สุรินทร์-วันที่ 4 พ.ย.66 ที่ศูนย์คชศึกษา(คด-ชะ-สึก-ษา) บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ได้มีการแห่องค์กฐินช้าง โดยมีช้างงาแต่งองค์ทรงเครื่อง วาดลวดลายสวยงาม ร่วมขบวนจำนวน 160 เชือก แห่จากปากทางศูนย์คชศึกษาเข้าสู่ลานวัฒนธรรมภายในศูนย์คชศึกษา ที่ตั้งองค์กฐิน โดยมีนายเสนีย์ กิตตเกษม อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และนางกรรณิการ์ เจริญพันธ์ อดีต ส.ส.สุรินทร์ นางสาวผกามาศ เจริญพันธ์ ส.ส.สุรินทร์ เจ้าภาพกฐิน พร้อมด้วยเจ้าภาพกองกฐินจากภาครัฐและเอกชน รวมทั้งภริยา รองนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา นำคณะกว่า100 ชีวิต รวมนั่งบนหลังช้างและเข้าร่วมงาน ซึ่งเป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาร่วมงานและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีกระทรวงมหาด ไทย ก็ได้นำ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย หลายจังหวัดมาร่วมงาน และเป็นประธานเปิดกิจกรรมงานทอดกฐินช้างในครั้งนี้ พร้อมมอบโล่ห์รางวัลการประกวดการแต่งลวด ลายสวยงามบนช้างและการแต่งกายพื้นบ้านที่สวยงามให้กับแต่ละขบวนที่ชนะเลิศอีกด้วย
สำหรับงานกฐินช้าง จังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานจังหวัดสุรินทร์ และด้านนางสาวผกามาศ เจริญพันธ์ โฆษกกรรมาธิการการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร ได้ร่วมกันผลักดันส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมใหม่ๆที่เป็น land mark ของจังหวัดสุรินทร์ ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อให้บรรจุเข้าสู่ปฏิทินการท่องเที่ยวของจังหวัดที่สำคัญอีกกิจกรรมหนึ่ง นอกจากงานช้างของจังหวัดสุรินทร์ เป็นการรวบรวมและจัดการในการทอดกฐินสามัคคี ให้กับวัด จำนวน 159 วัด ที่ไม่มีเจ้าภาพ ทอดกฐิน
จังหวัดสุรินทร์ มีต้นทุนทางวัฒนธรรม ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วทั้งทางสายมู และสายพุทธ ที่โดงดังอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทางเกจิอาจารย์ต่างๆอยู่แล้ว ดังทราบกันมาก่อน อย่างเช่นหลวงปู่ดุลย์ หรือหลวงปู่หงส์ ที่ทราบกันมาดีอยู่แล้ว และคนเลี้ยงช้าง ที่มีการเลี้ยงช้างมาตั้งแต่โบราณจึงได้จัดเอาสองอย่างมารวมกัน จึงเป็นที่มาของการทอดกฐิน 159 กอง จะนำไปถวายที่ 159 วัด ทำบุญครั้งเดียวได้ถวายวัดถึง 159 วัด ซึ่งทางเราได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก การงานนี้ทุกปี ปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ซึ่งปีนี้คึกคักเป็นอย่างมาก ได้ยอดกฐินรวม 3,198,298.99 บาท ถวายแด่พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เพื่อนำไปทอดถวายให้กับวัดต่างๆในจังหวัดสุรินทร์ต่อไป
นายอนุทินกล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานในวันนี้เป็นวันทอดกฐินที่ยิ่งใหญ่มีช้างเข้าร่วมแห่ในขบวนจำนวนมาก ซึ่งวัตถุวัตถุประสงค์หลักของงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว จะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวมากขึ้น มีคนไทยและคนกัมพูชาเห็นช้างแล้วรู้สึกดีใจ เพราะช้างเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศ เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ เป็นนักสู้และมีความอ่อนโยน มีทุกมิติภายในช้าง ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกับเรา
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตอนนี้พวกเราต้องเตรียมตัวเข้าสู่ปีใหม่ โดยปีนี้เรามีทั้งรัฐบาลใหม่ และโอกาสใหม่ที่จะเกิดขึ้นที่ฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจชะงักไปเป็นเวลาหลายปี ทุกอย่างกำลังจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่เป็นปกติที่ไทยมีความพร้อมในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ขออย่างเดียวให้ทุกคนเคารพกฎหมาย เช่นเรากำลังเปิดให้ขยายเวลาปิดสถานบันเทิง สถานการบริการ แต่ต้องไม่มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาข้องเกี่ยว และแต่เราไม่ได้ขยายเวลาให้ดื่มสุรามากขึ้น แต่เราสามารถอยู่ในร้านอาหารได้พูดคุยกันมากขึ้นเพื่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น รวมถึงสินค้าและบริการที่ไม่ใช่แอลกอฮออล์ก็จะขายได้มากขึ้น รวมถึงต้อนรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ขออย่างเดียวอย่าให้มียาและมีการอนุญาตให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าสถานบริการ รวมถึงพกอาวุธเข้าสถานบริการ หากปฏิบัติได้ตามนี้ทางรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยพร้อมจะส่งเสริมการประกอบสัมมาอาชีพอย่างเต็มที่ ”นายอนุทินกล่าว
ด้าน น.ส. ผกามาศ โฆษกกรรมาธิ การการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษ ฎร กล่าวว่า ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานว่า กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นได้ด้วยความสามัคคีของประชาชน รวมถึงกำลังขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการทุกกระทรวงในจังหวัดสุรินทร์ ตนคาดหวังว่าการจัดการกฐินช้างในครั้งนี้จะเป็น การสืบสานวัฒนธรรมประเพณีทางพุทธศาสนา อันเป็นรากเหง้าของสังคม รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในอนาคต ทั้งนี้นายอนุทินยังได้มอบรางวัลให้กับช้างที่ชนะการประกวดประเภทต่าง อาทิ การวาดภาพศิลปะบนตัวช้าง การแต่งกายช้างด้วยผ้าไหม สุรินทร์ และการประกวดธิดาช้าง
ด้าน น.ส. ผกามาศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้สุรินทร์เคยจัดกฐินช้างมาเมื่อปี 64 สืบเนื่องจากไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 และสร้างผลกระทบมากมายร่วมถึงชาวช้างจังหวัดสุรินทร์ ที่ประสบปัญหาตกงาน และกลับมาจากปางช้างทั่วประ เทศ จึงทำให้เกิดความคิดที่จะให้ความช่วยเหลือ ดังนั้นเพื่อให้ชุมชนคนเลี้ยงช้างมีอาชีพที่ยั่งยืน ไม่ต้องพาช้างไปเร่ร่อน ประกอบกับจังหวัดสุรินทร์นั้น มีอริยสงฆ์ที่เป็นที่เคารพบูชาของชาวไทยทั้งประเทศ เราจึงได้นิเริ่มจัดกฐินช้างขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสายบุญ โดยมีความคาดหวังว่า งานกฐินช้างนี้จะสามารถต่อยอดเป็นกิจกรรมประจำปีของจังหวัดสุรินทร์ และของประเทศ โดยจะนำไปทอดยัง วัดที่ไม่มีเจ้าภาพทอดกฐิน ในพื้น ที่จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 159 วัด ต่อไป.
Discussion about this post