
ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุง รายงานว่า เมื่อเวลา10.30 น.วันนี้(7 พ.ย.66) ในขณะที่ ร.ต.อ.วัลลพ ยั่งยืน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง กำลังปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรสอบสวนบนโรงพัก ก็ได้รับแจ้งจากนายจันทร์ พรหมา อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/5 หมู่ที่ 7 ต.โคกม่วง อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ในขณะที่ตนไปนั่งรับประทานอาหารในร้านก๋วยเตี่ยวหางหมูข้างสถานีรถไฟพัทลุง ปากทางเข้าเข้าสู่โรงเรียนเทศบาลจุ่งฮั่ว และมูลนิธิพัทลุงการกุศล เมื่อเดินออกจากร้าน ก็ได้พบกระเป๋าบรรจุเงินและเอกสารสำคัญหลายรายการ จึงได้นำมามอบให้กับตำรวจเพื่อสืบหาเจ้าของต่อไป
จากการตรวจค้นหาข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์และข้อมูลคำขอมีบัตรประชาชน พบว่าเจ้าของกระเป๋าดังกล่าว คือ นางพิมพ์จันทร์ จันทร์เทพ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่116 หมู่ที่ 1 ต.กงหรา อ.กงหรา จ.พัทลุง จึงโทรศัพท์ให้เจ้าตัวมารับกระเป๋าที่พลเมืองดีพบดังกล่าว โดยมีการรับมอบกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน
ทางด้านนางพิมพ์จันทร์ฯ กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า ตนมีอาชีพเย็บผ้า เมื่อวานนี้(ที่ 6) ได้ถอนเงินจากธนาคารเป็นเงิน 11,000 บาท เพื่อนำไปใช้ใช้ในการซ่อมรถยนต์เก๋งกว่า 30,000 บาท ก่อนเกิดเหตุตนให้หลานสาวพาตนมาซื้อก๋วยเตี่ยวหางหมูในร้านดังกล่าวโดยมีรถยนต์โตโยต้า ฟอจูนเนอร์เป็นยานพาหนะ หลังจากนั้นก็นำก่วยเตี่ยวขาหมู่ไปเปิดกินที่ร้านขายอาหารของหลานสาวในท้องที่ ต.ควนมะพร้าว อ.เมืองพัทลุงในขณะที่กำลังจะเปิดก่วยเตี่ยวใส่ถ้วยเพื่อรับประทานนั้นก็ได้มีโทรศัพท์มาหาตน ซึ่งครั้งแรกตนก็ไม่อยากรับสายเพราะเป็นสายแปลกๆ เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังยาวๆตนจึงตัดสินใจรับสาย โดยโทรศัพท์ดังกล่าวมาจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อให้ตนได้ตรวจสอบกระเป๋าเงินเนื่องจากมีพลเมืองดีเป็นผู้พบโดยตนไม่ทราบมาก่อนว่ากระเป๋าเงินหาย เมื่อไปดูในรถยนต์พบว่ากระเปาดังกล่าวเป็นของตนจริงๆจึงเดินทางเข้ามาพบกับตำรวจดังกล่าว โดยเงินในกระเป๋าดังกล่าวมีประมาณกว่า 30,000 บาท รวมทั้งเอกสารสำคัญอยู่หลายรายการด้วย
นางพิมพ์จันทร์ฯ เผยว่า ตนรู้สึกปลื้มใจ ดีใจ และโชคดีที่ได้พบคนที่ความซื่อสัตว์ที่ไม่อยากได้ทรัพย์สินของคนอื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งตนรู้สึกตื้นตันใจจนบอกไม่ถูกที่มาพบคนแบบนี้ที่เป็นใน 1 ในพันในหมื่น คนประเภทนี้หายากในสังคมไทย ขอให้เราทั้ง 2 คนเป็นพี่น้องกันตลอดไป
ทางด้านนายจันทร์ พรหมา อายุ 64 ปี ก่อนหน้านี้ตนมารับจ้างทำห้องแลปให้กับโรงเรียนเทศบาลจุ่งฮั่วที่อยู่ใกล้กับร้ายขายก๋วยเตี่ยวดังกล่าว หลังจากที่เข้ามารับประทานก๋วยเตี่ยวก็พบกระเป๋าวางอยู่หน้าร้าน เมื่อเปิดออกดูก็พบเงินสดและเอกสารอยู่หลายรายการ จึงเดินเข้าไปในร้านเพื่อให้คนในร้านได้เป็นพยานว่าตนเองพบกระเป๋าดังกล่าว และมีการแนะนำให้ตนนำสิ่งของที่พบไปแจ้งกับตำรวจจนพบเจ้าของกระเป๋าดังกล่าว ซึ่งตนได้คิดเสนอว่าสิ่งไหนที่ไม่ใช่ของเราก็อย่าไปเอาของคนอื่นมา หากเราพบสิ่งของของคนอื่นก็ต้องมอบกลับให้เขาไป และดีใจที่ได้มอบทรัพย์สินให้กับเจ้าของที่แท้จริงในครั้งนี้ เพราะเมื่อเขามีความสุขเราก็จะมีความสุข ความสบายใจไปด้วย เงินหรือทรัพย์สินของคนอื่นไม่สามรรถสร้างความสุขกาย สุขใจ ให้เราได้ สำหรับตนนั้นก่อนหน้าเคยพบสิ่งของและมอบให้กับเจ้าของมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการพบในครั้งที่ 3 ส่วนการพบสิ่งของในครั้งที่ 1 นั้นเป็น การพบโทรศัพท์ราคาประมาณ 3 -4 หมื่นบาท ครั้งที่ 2 เป็นการพบเงินสดมากกว่า 3 หมื่นบาท และครั้งที่ 3 ก็เป็นการพบเงินสดกว่า 3 หมื่นบาทเช่นกัน.
Discussion about this post