
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 นายขจรศักดิ์เมฆขจร นายกสมาคมพัฒนาชาวไร่บ่มเอง จ.เชียงใหม่ เผยการพิจารณาตืดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหายาสูบ และยาเส้นราคาตกต่ำ ว่า ภายหลังได้ยื่นหนังสือกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่า
การกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2566 ที่เชียงใหม่ คณะอนุกรรมาการการเงิน การคลัง สภาผู้แทนราษฎร ได้ประชุมพิจารณาและติดตามเรื่องดังกล่าว ที่รัฐสภาวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยมีรองผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย และผู้บริหารชี้แจง โดยที่ประชุมได้สรุปค่าชดเชย
แก่เกษตรกรชาวไร่ยาสูบ 3 สายพันธ์ คือเวอร์จิเนีย กิโลกรัมละ 8.51 บาท เบอร์เลย์ 5.52 บาท เตอร์กิจ 4.59 บาท ตามลำดับโดยให้จ่ายเงินผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) แทนธนาคารกรุงไทยคาดใช้วงเงินกว่า 500-600 ล้านบาท
ทั้งนี้ค่าชดเชยดังกล่าว จะนำเสนอคณะกรรมยาสูบ เพื่อลงมติจ่ายค่าชดเชยแก่ชาวไร่ยาสูบ ก่อนส่งเรื่องให้กระทรวงการคลัง พิจารณาวงเงินช่วยเหลือ ก่อน
เสนอนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาตามลำดับ หากนายเศรษฐา พิจารณาอนุมัติ คาดจ่ายค่าชดเชยได้กลางปีหน้า หลังเสร็จสิ้นฤดูใบยาสูบแล้ว
อย่างไรก็ตาม การจ่ายค่าชดเชยดังกล่าวยังไม่รวมงบอุดหนุนชาวไร่ยาสูบ เพราะปี 2565 เกษตรกรได้รีบเงินอุดหนุนยาสูบพันธุ์เวอร์จิเนีย กิโลกรัมละ 6.26 บาทงบอุดหนุนจากรัฐบาลอีก 6.26 บาท
รวมเป็น 12.52 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนผลิตยาสูบ เฉลี่ย 110 บาท/กิโลกรัม หากรวมเงินชดเชยพันธุ์เวอร์จิเนียเป็น 118.51 บาท/กิโลกรัม ยังต่ำกว่าปีก่อน ที่ขายได้ 122 บาท ดังนั้นอยาก
ให้รัฐบาล จ่ายเงินอุดหนุนเพิ่ม หรือประกันราคา กิโลกรัมละ 122 บาท เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้พออยู่ได้ ไม่ขาดทุนอีก
นายขจรศักดิ์ กล่าว่า ส่วนภารกิจนายเศรษฐา และคณะรัฐมนตรี ที่เชียงใหม่สมาคมฯ ไม่ได้ยื่นหนังสือของบอุดหนุนดังกล่าวเพิ่ม เพราะทราบดีว่ารัฐบาลมี
แผนโครงการพัฒนาประเทศที่ต้องใช้งบประมาณอีกมาก เพียงต้องการให้รัฐบาลทราบถึงความเดือดร้อนเกษตรกร เพราะมีบุหรี่เถื่อนครองตลาดกว่า
60-70 % เนื่องจากบางยี่ห้อมีราคาเพียงซองละ 20-30 บาทเท่านั้น ถูกกว่าบุหรี่ในประเทศ 70-80 % ดังนั้นอยากให้มีมาตรการปกป้องชาวไร่ยา
สูบ และปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจังด้วย
///////////
Discussion about this post