โอ้ละพ่อ ลูกหนี้ด่าเจ้าหนี้ไม่พอ ใจถูกทวงเงิน พาพวก 8 คน รุมกระทืบเจ้าหนี้ ก่อนไปร้องกองปราบให้เร่งดำเนินคดีฝั่งเจ้าหนี้

วันที่ 8 ธ.ค.2566 เวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สภ.บางบัว ทอง ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามข้อมูลกับ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก. สภบางบัวทอง จากกรณี ที่ได้มีการนำเสนอข่าว เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 กลุ่มเจ้าหนี้และกลุ่มลูกหนี้ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันทะเลาะวิวาทกันเรื่องการกู้ยืมเงินกัน และมีการทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ โดยเหตุ การณ์นี้เกิดตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 66 เวลาประมาณ 06.00 น. ที่หมู่บ้านชอรุ่งเรือง 6 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยกลุ่มลูกหนี้ซึ่งมีจำนวนคนประมาณ 7-8 คน ทะเลาะกับเจ้าหนี้ซึ่งมีเพียง 3คน และมีการใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4-5 คน ก่อนจะนำตัวคนเจ็บส่งรักษาที่โรงพยาบาล

ในเวลาต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทองได้สอบปากคำผู้เสียหาย และพยานทั้งสองฝ่ายแล้ว ทราบว่ากลุ่มซึ่งเป็นฝั่งลูกหนี้คือ น.ส.อลิตาฯ กับพวกรวม 8 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 2 คน และกลุ่มของเจ้าหนี้ คือ น.ส.วาสนาพรรณ กับพวกรวม 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน ได้มีปากเสียงกันจนนำไปสู่การทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันโดยมีอาวุธมีด จากการสอบสวนทราบว่าเกิดจากการมีปากเสียงกันเรื่องการหยิบยืมเงินกันจำนวนเล็กน้อยระหว่างเพื่อนบ้านกัน และฝั่งลูกหนี้ไม่มีการใช้เงินคืนตามที่ตกลงกันไว้ ต่อมาก็มีการทวงถามกันเรื่อยมา ทั้งทางโทรศัพท์และแชทโดยใช้ถ้อยคำหยาบคายและด่าทอกัน จนมาถึงวันที่เกิดเหตุ ทางฝ่าย น.ส.วาสนาพรรณ(ฝั่งเจ้าหนี้)กับพวก ได้เข้าไปสอบถามถึงเรื่องที่มาด่าตนกันโทรศัพท์ไม่ใช่การทวงเงิน จนเกิดการทะเลาะกันขึ้น และทางฝ่าย น.ส.วาสนาพรรณฯ ได้หยิบมีดที่วางอยู่บริเวณที่เกิดเหตุมาถือไว้เพื่อป้องกันตัวเนื่องจากคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งมีจำนวนคนมากกว่าและส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และตนซึ่งเป็นผู้หญิงจึงเกรงว่าจะถูกทำร้ายร่างกายจึงได้ใช้มีดเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น ซึ่งจากเหตุดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย คือ (ฝ่ายลูกหนี้บาดเจ็บ3คน) คือ น.ส.อลิตา คะเต็มหมัด ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกาย นายชานนท์ หน่ายคอน ได้รับบาดเจ็บจากการถูกมีดฟันที่ท่อนแขนซ้าย และ น.ส.พีรญา เทพสุวรรณ์ ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกัดที่บริเวณแขนเหนือข้อศอก ส่วนทาง(ฝ่ายเจ้าหนี้) คือ น.ส.วาสนาพรรณ หมันสีทอง ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกาย และนางสมคิด ฐิตญาโน ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดีแล้วทั้งสองฝ่าย ขณะนี้กำลังติดตามเร่งรัดผลการชันสูตรบาดแผลของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจากโรงพยาบาลมาเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดี และได้นัดให้คู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วในวันที่ 9 ธันวาคม 2566

นายณัฐเนตร ฐิตญาโณ (แฟนเจ้าหนี้)อายุ 34 ปี เล่าว่า น.ส.ลลิตา และ นายณัฐพงษ์ ได้มายืมเงินไป คนละ 5,000 บาท ซึ่งตอนที่ทั้ง2 มายืมเงินตนเขาบอกว่าเป็นพี่น้องกัน ตนจึงมารู้ตอนหลังว่าทั้ง2คนเป็นแฟนกัน ตอนที่ น.ส.ลลิตา และ นายณัฐพงษ์มายืมเงินตน ก็บอกกับตนว่า เอาไปลงทุน ค้าขาย จ่สยค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าแท็กซี่ บ้านจะโดนยึด จ่ายค่าน้ำค่าไฟ มานั่งร้องไห้หน้าบ้านเช้า กลางวัน เย็น ซึ่ง ทั้ง2คนมายืมเงินคนละวัน ห่างกันประมาน 3 วัน ซึ่ง น.ส.ลลิตา ได้มายืมก่อน และ นาย ณัฐพงษ์มายืมเงินทีหลัง ซึ่งตนให้ยืมคือเขาเสนอดอกให้กับตนเอง ซึ่งจะให้ดอกกับตน 500 บาท ไม่ใช่ส่งรายเดือน ตนให้ผ่อนคืนจนกว่าจะครบ ซึ่งตนให้ผ่อนคืนเงินต้นวันละ100 บาท เขาก็ส่งไม่ครบ ซึ่งถ้ารวมเงินที่คืนตนมาทั้ง2คน ก็ไม่เกิน 8,000 บาท ซึ่งก่อนที่ตนจะทักท้วงคือทั้ง2คนไม่จ่ายตนมาเกือบ2เดือน ซึ่งเขาจ่ายตนครั้งล่าสุดคือเดือน8 ตนก็ไปทวงอีกทีเดือน10 พอทวงเขาก็บ่ายเบี่ยงไม่มีกำหนด ตนจึงเข้าไปคุยกับเจ้าของบ้านก็เลยโดนด่ามาแบบที่เห็นตามคลิป ด่ามาทางแม่ และ ภรรยาของตน และในวันที่เกิดเหตุ แม่และภรรยาตนก็เดินเข้าไปถามเพราะข้องใจว่ามาด่าทำไม เพราะแม่เพิ่งกลับมาอยู่แค่ 2 อาทิตย์ ไปก่อนอยู่ที่อื่น 2 คนนี้จะมาอยู่อีก แม่ก็เลยแค่จะเข้าไปถามว่ารู้จักกันด้วยหรอ แม่ยังไม่รู้จักเลยมาด่าเสียๆหายๆ ได้ยังไงพอเดินไปก็คือฝั่งนั้นหาเรื่องและก็เป็นไปตามภาพ

ทางด้าน พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง เปิดเผยข้อมูลว่า จากกรณีที่เป็นข่าวไปเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เข้ามาแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนคู่กรณีทั้งสองฝ่ายรวมไปถึงพยานทั้งหมดแล้ว จากการสอบสวนปรากฏว่าไม่ใช่เป็นการกู้ยืมเงินนอกระบบ แต่เป็นการขอยืมเงินจากคนรู้จักกันและไม่ได้ชดใช้คืนเงินให้ตามวันเวลาที่ตกลงกันเอาไว้ จึงทำให้มีการทวงเงินและด่าทอกันทางโทรศัพท์และแชทไลน์ ซึ่งทางฝั่งลูกหนี้เป็นฝ่ายที่เริ่มด่าฝั่งเจ้าหนี้ก่อน จนเกิดเรื่องขึ้นตามที่เป็นข่าว ในส่วนของเรื่องความคืบหน้าคดีตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานในคดีทำร้ายร่างกายครบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงรอใบชันสูตรจากแพทย์ซึ่งแพทย์จะไม่ออกใบชันสูตรให้หากการรักษายังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งคิดว่าภายในอาทิตย์หน้าคงจะได้แล้ว โดยปกติจะต้องใช้เวลาประมาณ 30-40 วันทำการที่จะออกใบแพทย์ให้ได้ หลังจากได้ใบแพทย์มาก็จะนำมารวมกับพยานหลักฐานและดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายได้ทันที เนื่องจากไม่ต้องสอบปากคำคนอื่นแล้ว และจากคลิปความยาว3นาที เห็นชัดเจนหมดและจะดำเนินคดีทุกคนที่เกี่ยวข้องและปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าว ซึ่งจากคลิปจะเห็นว่าฝั่งลูกหนี้พาพวกมาถึง8คนและเป็นผู้ชายส่วนใหญ่ถือทั้งเก้าอี้เหล็ก และตะกร้า ปาใส่ฝั่งของเจ้าหนี้และวิ่งเข้าไปจะทำร้ายก่อนที่จะถูกมีดที่ฝั่งเจ้าหนี้ถืออยู่เพื่อไว้ป้องกันตัวเองฟันจนได้รับบาดเจ็บ และต่อมาฝั่งลูกหนี้ได้มีการลากตัวของเจ้าหนี้ซึ่งล้มอยู่ออกมารุมกระทืบจนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ในส่วนของการกู้ยืมเงินก็จะตรวจสอบว่าผู้ให้กู้เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฏหมายกำหนดรึไม่ หากพบว่าเกินก็จะดำเนินคดีในส่วนของการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฏหมายกำหนด ส่วนปัญหาหนี้นอกระบบ ในพื้นที่บางบัวทองแทบจะไม่ค่อยมีเลย รายนี้เป็นรายที่ 2 ที่มาแจ้งความ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการทวงหนี้โหดซะมากกว่า ซึ่งในวันนี้ตนได้เข้าร่วมประชุมกับกับท่านนายกมาและได้รับนโยบายในเรื่องของการจัดการหนี้นอกระบบ ก็อยากฝากประชา สัมพันธ์ให้ผู้ที่มีหนี้นอกระบบหากตอนนี้ใช้ชีวิตปกติก็ดีไป แต่หากได้รับความเดือดร้อนจากการทวงหนี้ก็ให้มาลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ที่อำเภอซึ่งตอนนี้มีคนมาลงทะเบียนแล้วถึง 300รายแล้ว ซึ่งทางอำเภอก็จะเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยกับทางเจ้าหนี้ให้ ถ้าไกล่เกลี่ยไม่ลงตัวหรือพบการกระทำ ความผิดกฏหมายในเรื่องดอกเบี้ยฝ่ายตำรวจก็จะรับข้อมูลจากอำเภอและมาดำเนินต่อ

ต่อมาเมื่อเวลา 14.50 น.น.ส.อลิตา คะเต็มหมัด นายชานนท์ หน่ายคอน และน.ส.พีรญา เทพสุวรรณ์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายทางฝั่งลูกหนี้ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง แต่ไม่ได้สัมภาษณ์กับสื่อแต่อย่างใด.