วันนี้ 16 ธันวาคม 2566 เวลา 16.00 น.ที่ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางไปยังจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยมีนายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรินทร์ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสุรินทร์ ตำรวจ หน่วยงาน ในพื้นที่ ให้การต้อนรับ เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของด่านศุลกากรช่องจอม พร้อมทั้งรับฟังบรรยายสรุป การส่งเสริมการค้าชายแดนตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ เสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชา ชนในพื้นที่ชายแดน ให้ดียิ่งขึ้น และได้รับฟังการรายงานการขอที่ดินบริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม พื้นที่ป่าใกล้แนวชาย แดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นที่ดินในการกำกับดูแลของ กรมอุทยานแห่งชาติ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบ และอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ และที่ผ่านมาที่มีการตั้งหน่วยงานราชการ ทั้งด่านศุลกา กรช่องจอม ด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านตรวจโรคก่อนเข้ามาในไทย ด่านตำรวจท่องเที่ยว ก็ยังไม่เป็นไปในรูปแบบส่วนราชการของไทย เป็นหน่วยงานที่มีที่ตั้งบริเวณด่านผ่านแดนนแบบเฉพาะกิจ

จากนั้นนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้กล่าว กับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้เดินทางมาตรวจเยี่ยมแนวชายแดน มาตั้งแต่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งที่จังหวัดศรีสะเกษ ก็มีเรื่องความมั่นคงเป็นส่วนใหญ่การเปิดด่านชายแดน เขาพระวิหาร และมีความเห็นตรงกันว่าอยากให้เปิดด่าน ส่วนที่สุรินทร์ นี่ก็อยากได้ด่านศุลกากรช่องจอม แห่งใหม่ที่มีความสมบูรณ์ ส่วนตนเองได้รับฟังจากหลายฝ่ายทั้งฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง ฝ่ายประชาชน ฝ่ายนักธุรกิจ มีความประสงค์ตรงกันแม้แต่ประ ชาชนชาวบ้าน มีความประสงค์ตรงกันอยากได้ ตรงนี้มีมูลค่าการค้าสูง ด่านเราไม่สามารถรองรับที่จะได้โอกาศรองรับได้เงินได้ทองมากขึ้นของเราไม่พร้อมที่จะรับ เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องผลักดันเรื่องนี้ การผลักดันก็มีอุปสรรค อยู่นิดเดียวคือการขอที่ดินหน่วยงานกรมอุทยาน ซึ่งกรมอุทยาน เขาก็ต้องรักษาผลประโยชน์ ของเขา หน่วยงานรัฐบาลกลางของประเทศ รัฐบาลก็จะมาชั่งน้ำหนัก เราน่าจะมีคุยกันให้ทุกฝ่ายรับได้ กรมอุทยานก็มารับฟังกันใช้ไม่เยอะไม่กี่ไร่ จากที่มีที่ดินบริเวณนี้นับแสนไร่ มาทำเรื่องนี้ผมทางเศรษฐกิจที่ได้ มันจะคุ้มค่า ฝ่ายความั่นคงเขาก็สนับสนุน เรื่องนี้ก็มีความเป้นไปได้สูง
ตนเองก็จะนำเรื่องนี้ เอาข้อมูลที่ได้รับในวันนี้ นำเรียนท่านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ร่วมถึงกรมอุทยาน ซึ่งกรมอุทยานก็ไม่เสียหายอะไรมาก ถ้าเป็นนโยบายของรัฐบาล ไม่ช้า เรื่องนี้เป็นไปได้ที่จะต้องผลักดันแบบท็อปดาวว์ เมื่อนายกรัฐมนตรีเห็นชอบ ก็จะสั่งการลงมาก็จะเร็วขึ้น ถ้านำเสนอจากระดับล่างขึ้นไปก็จะช้า นายกรัฐมนตรี จะเห็นด้วยไหม ผมไม่เดาใจนายกฯแต่ผมเดาใจเรื่องนโยบาย รัฐบาลชุดนี้สร้างรายได้ใหม่ หาโอกาสทางเศรษฐกิจ เป็นไอเดียที่รัฐบาลอยากได้ อยู่แล้ว การหารายได้ใหม่ที่ดี คืออย่างนี้น่าทำโอกาสที่เห็นร่วมกันโอกาสสำเร็จสูง ส่วนตัวก็จะสนับสนุนเต็มที่.
วรกิตติ์ เครือศรี จ.สุรินทร์
Discussion about this post