
จากกรณีเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Lapaz Cho ได้โพสต์เรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่งที่ไปทำหน้าอก ที่คลินิกแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี แล้วเสียชีวิต โดยทางคลินิกรับผิดชอบเพียงช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการนำศพกลับบ้านใน จ.ร้อยเอ็ด และค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ 30,000 บาท อ้างว่ายังไม่ได้ลงมือผ่าตัดร่างกายคนไข้ไม่พร้อมเอง ซึ่งทางญาติของผู้เสียชีวิตไม่ปักใจเชื่อเพราะเห็นแผลที่กรีดตรงหน้า อก จึงโพสต์ร้องขอความยุติธรรม ทางเจ้าของโพสต์ได้ระบุข้อความว่า… “#ทำนมถึงตาย คลีนิกจ่ายสามหมื่น อ้าง… #ยังไม่ได้ลงมือผ่าตัด คนไข้ไม่พร้อมเอง ญาติงง… #แล้วแผลที่กรีดหน้าอกคืออะไร? คลีนิกศัลยกรรมแห่งหนึ่งย่านสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี”
ทั้งนี้ได้ระบุข้อความที่ญาติพี่น้องและคนสนิทของผู้เสียชีวิต ได้มาแสดงความเห็นไว้ว่า พี่จะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้นะ พี่จะช่วยแม่และครอบ ครัวทำทุกอย่างให้เต็มที่และสุดความสามารถ เอาใจช่วยทุกทุกคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยครอบค รัวด้วย อยู่ตรงนี้กับมูลนิธิไปก่อน อีกไม่นานจะกลับไปรับกลับบ้าน ,ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ยังไม่เชื่อเลยว่าเธอจากเราไปแล้ว หลับไห้สบายนะเพื่อนรัก..ขอให้ไปสู่พบภูมิที่ดีเด้อ ไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์เด้อเพื่อนรัก Rip เพื่อนรัก , ทำไมอะ บอกน้องว่าจะกลับมาอวดนม จะใส่ชุดสวยๆ แล้วทำไมไม่กลับมาละ ไหนบอกนมเป็นความฝันทั้งชีวิตที่อยากทำ ทำไมไม่อยู่ให้คนอื่นได้เห็นด้วย บอกไปแค่ 2-3 อาทิตย์ Rip พี่สาวคนสวย
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ธ.ค. 66 ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นางสุพัตตรา (สงวนนามสกลุล)อายุ 58 ปี แม่ของน.ส.เมริษา ผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 63 จากเหตุทำศัลย กรรมหน้าอกที่คลีนิคแห่งหนึ่งย่านสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี ได้มอบหมายให้นายพสิษฐ์ เลิศสินเจริฐกุล ทนายความเดินทางมารอฟังคำพิพากษา คดีที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.ประกาศิต สุขหนองบึง กับพวกรวม 2 คน (จำเลย) นายแพทย์ผู้ทำ การผ่าตัด ตามคดีหมายเลขดำที่ ผบ. 50/2564 โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชม. ก่อนลงจากศาลมาให้สัมภาษณ์
หลังจากทนายความได้ฟังคำตัดสินของศาลแล้วได้โทรศัพท์ติดต่อนางสุพัตตรา ที่จ.ร้อยเอ็ด เพื่อแจ้งให้ทราบถึงคำตัดสินในศาลชั้นต้น โดยนางสุพัตตรา กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจขอขอบคุณทนายเพราะความหวังทุกอย่างของครอบครัวขึ้นอยู่กับทนายที่ช่วยเหลือว่าความให้ และขอขอบคุณศาลที่เมตตาตนดีใจมากจนพูดไม่ออก รอคอยมาตั้งหลายปีแล้ว ดีใจที่ลูกได้รับความยุติธรรม หลังจากนี้อาจจะต้องปรึกษากับทางทนายก่อนว่าจะอุทธรณ์คดีต่อหรือไม่ ชีวิตความเป็นอยู่ตอนนี้ก็ค่อนข้างลำบากตนไม่ได้ทำอะไรเพราะไม่สบาย ส่วนหลานไปโรงเรียนบางวันก็มีเงินให้บางวันก็ไม่มี เพราะลูกสาวที่เสียชีวิตเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด
ด้านนายพสิษฐ์ เลิศสินเจริฐกุล ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบอำนาจจากครอบครัวผู้เสียชีวิตมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี โดยศาลตัดสินให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าปลงศพ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต่อการจัดงานศพของผู้ตาย จำนวน 100,000 บาท และให้จ่ายค่าอุปการะกับโจทก์ที่ 1 และ 2 คนละ 2,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 4,100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ตามกฎหมาย ส่วนจำเลยที่ 2 ได้พิพากษายก ฟ้อง ตนในฐานะทนายความ มองว่าศาลได้เมตตาให้ความยุติธรรมในการชดใช้ หรือให้จำเ ลยที่ 1 ยอมรับผิด เนื่องจากสาเหตุหลักมาจากการเสียชีวิต โดยทางแพทย์สภาและศาลวินิจฉัยค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นการละเมิด และยอมรับผิด เพราะจรรยาบรรณในการรักษาต้องไม่ประมาท ส่วนข้อหาอื่นศาลได้ยกฟ้อง หลังจากนี้จะปรึก ษากับทางครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้ง ว่าจะอุทธรณ์คดีหรือไม่อย่างไรต่อไป.
Discussion about this post