เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 มกราคม ร.ต.อ. สหรัฐ เติมต่อวัฒนกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีเด็กหมดสติจากการถูกรมควันในห้องนอน ที่บ้านเลขพัก ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้ง จึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยตำรวจ ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ตชต.สามพร้าว หน่วยกู้ชีพ รพ.วัฒนา และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน
ที่เกิดเหตุบ้านปูนชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด ที่บริเวณระเบียงหน้าบ้านหน่วยกู้ชีพได้ทำการปฐมพยาบาล ด.ญ.บี นามสมมุติ อายุ 4 ขวบ เบื้องต้นจนได้สติกลับคืนมาและพูดจาได้ตามปกติ โดยมี น.ส.น้ำ นามสมมุติ อายุ 38 ปี แม่ ด.ญ.บี กำลังกอดและปลอบใจลูกสาวอยู่ไม่ห่าง บอกลูกสาวว่า “แม่จะปิ้งปลาให้กิน” ท่ามกลางความตกใจของญาติและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวและเดินมาช่วยกันตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในช่วงแรก ก่อนเร่งนำตัวเด็กและแม่ส่งรักษาที่โรงพยาบาลทันที

จากเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบในบ้านก็พบเตาอั้งโล่มีถ่านติดไฟอยู่ในถาดสังกะสี วางอยู่ริมระเบียงบ้าน ยังคงมีกลิ่นควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ภายในห้องนอนหน้าบ้าน พบร่องรอยการวางเตาอั้งโล่ไว้ในห้องตรงปลายฟูกที่นอน บนฟูกที่นอนพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ใกล้กันพบสมุดจด 1 เล่ม ด้านในมีการเขียนข้อความสั่งลาไว้ 4 หน้ากระดาษ ต่อมานายเก่ง นามสมมุติ อายุ 41 ปี สามี น.ส.น้ำ พ่อของ ด.ญ.บี ได้เดินทางกลับมาจากที่ทำงาน พร้อมกับอ่านข้อความที่ภรรยาเขียนเอาไว้ จนมีอาการร้องไห้น้ำตาซึม ก่อนเดินหลบเข้าไปในบ้าน เพื่อเตรียมตัวจะไปดูแลลูกสาวและภรรยาที่โรงพยาบาล โดยไม่ให้ข้อมูลใด ๆ
ข้อความในสมุดระบุว่า “ขอโทษทุกคนที่ทำให้เดือดร้อน ขอโทษเจ้าหนี้ทุกคน ที่ตัดสินใจแบบนี้ ขอสาปแช่งคนที่ทำให้ชีวิตฉันและครอบครัวพัง คนเอาเปรียบ ไม่รับผิดชอบ ฉันจะตามจองเวร! ขอโทษทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจ ,ปู่ย่า ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครไม่อยากรวย ไม่มีใครอยากขาดทุน ไม่มีใครอยากมีหนี้ ที่ทำไปเพราะหวังให้ครอบครัวสบาย จนมันผิดพลาด ขอบคุณปู่ย่าที่ช่วยเหลือมาตลอด ป้าๆ ลุงๆ ด้วยนะ จากกันครั้งนี้ ขออโหสิ กรรมให้ด้วยนะ”
“พ่อเก่ง พาลูกออกเดินทางไกลก่อนนะ รักพ่อเก่งนะ ขอให้ใจเย็นๆ ขอโทษทุกอย่างที่ทำผิดพลาด วางแผนผิด ไม่ต้องห่วงลูกนะ เค้าจะไปอยู่กับแม่ ขอให้เราทั้ง 4 คน กลับมาเป็นครอบครัวกันอีกนะ ไม่ต้องคิดว่าเมียนอกใจ เพราะไม่เคยคิด ที่ทุกอย่างมันพังเกิดจากถูกโกง และวางแผนผิด ให้พ่อเก่งเข้มแข็งนะ รักษาสุขภาพ จะพาลูกๆ ล่วงหน้าไปก่อน แล้วเราจะได้เจอกัน รักที่สุด จูนเนอร์ + บี แม่รักลูกมากๆ จนไม่กล้าปล่อยให้ลูก 2 คนอยู่ต่อไปได้ โดยไม่มีแม่ ไม่อยากให้ลูกเป็นภาระใคร”
“แม่ รักแม่มากนะ ขอให้แม่รักษาสุขภาพ อยู่เป็นเสาหลักให้น้องนน ได้เติบโต รักจ๋า ฝากแม่ด้วยนะ ขอโทษที่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้ โทร ศัพท์ของเค้าเอาให้จ๋านะ จูนเนอร์ ให้ลูกอยู่ดูแลพ่อ รักพ่อให้มากๆ พ่อรักจูนมาก พ่อเลี้ยงจูนมาตั้งแต่เด็ก แม่กับน้องจะออกเดินทางไกลไปก่อน อยู่กับพ่อนะลูก จูนโตแล้ว แม่รู้ว่าจูนจะเอาตัวรอด และเติบโตได้ จะได้ดูแลปู่ย่านะลูก แม่รักจูนที่สุด 9/1/67 ถ้าลำบาก ยุ่งยาก มอบศพให้มูลนิธิไปจัดการเลยนะคะ ถ้าจะจัดงานใส่โลงเดียว เผาพร้อมกันเลย ขอบคุณค่ะ” “ถ้ามันยังไหว ใครก็ไม่อยากตาย”
จากการสอบถามนางไหล อายุ 70 ปี แม่นายเก่ง และเป็นย่าของ ด.ญ.บี กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนมีบ้านอยู่ติดกันกับบ้านของลูกชาย เมื่อเช้านี้นายเก่งลูกชายตนได้ขับรถยนต์ไปส่งลูกชายคนโตที่โรงเรียนตามปกติ ทราบเพียงว่าลูกสะใภ้ไม่ได้ไปทำงาน และอยู่บ้านกับหลานสาวคนเล็ก ช่วงสายได้ยินเสียงคนร้องโวยวายจึงเดินมาดูที่บ้านลูกชาย ก็เห็นลูกสะใภ้กำลังถอดเสื้อหลานสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่ ญาติและเพื่อนบ้านก็รีบวิ่งมาช่วยกัน หาผ้ามาชุบน้ำมาเช็ดตัวหลาน สลับกับลูกสะใภ้พยายามผายปอดหลานสาว ไม่นานหลานสาวก็ลืมตาฟื้นขึ้นมา
นางไหลฯ กล่าวต่อไปอีกว่า ตนมีลูก 3 คน นายเก่งเป็นคนสุดท้อง หลังจากแบ่งที่ให้ลูกทั้งหมด ลูกชายก็มาสร้างบ้านอยู่กับ น.ส.น้ำ ลูกสะใภ้ ติดกับบ้านของตน ทั้งคู่มีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้ชาย อายุ 7 ขวบคนเล็กเป็นผู้หญิง 4 ขวบ คือ ด.ญ.บี ครอบครัวลูกชายอยู่บ้านนี้มาได้ 7 ปี ลูกชายทำงานอยู่กองช่างเทศบาลแห่งหนึ่ง ลูกสะใภ้ทำงานอยู่ อบต.แห่งหนึ่งใน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี
“ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นทั้งคู่ทะเลาะกันให้แม่เห็นเลย ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกัน ไม่นึกว่าลูกสะใภ้จะคิดทำอะไรแบบนี้ อยากให้มีสติมากกว่านี้ อยากให้คิดถึงลูกที่ยังเล็กอยู่ทั้ง 2 คน เขายังมีอนาคตอีกยาวไกล ไม่น่าคิดตัดช่องน้อยแต่พอ ตัวแบบนี้ โชคดีที่ลูกสะใภ้คิดได้ แล้วรีบช่วยหลานจนรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ต่อไปจะดูแลลูกหลานให้ใกล้ชิดมากกว่านี้ จะไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก”
ด้าน ด.ต.สุขสันต์ สีดาวัฒน์ ผบ.หมู่ งานป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อมาถึงแม่และลูกสาวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปแล้ว พบเพียงเตาอั้งโล่ที่ยังมีถ่านติดไฟอยู่ ตรวจสอบในห้องก็พบสมุดเขียนสั่งลาของผู้เป็นแม่ จากการสอบถาม แม่เด็กน่าจะเครียดเรื่องเงินใช้จ่ายในครอบครัว วันนี้ยังไม่ไปทำงานบ่นว่าปวดท้อง จึงจุดไฟรมควันตัวเองพร้อมลูกสาว แต่ขณะกำลังลูกสาวกำลังจะหมดสติดิ้นทุรนทุราย จึงรีบอุ้มลูกสาวออกมาช่วยชีวิตและรอดมาได้ อยากฝากว่า เรื่องทุกอย่างมีทางแก้ไข ควรจะใช้สติให้มากกว่านี้ ทุกครอบครัวมีปัญหา แต่ก็ต้องพูดคุยกัน ทำความเข้าใจกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้
เบื้องต้นตำรวจได้ถ่ายภาพและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้ ซึ่งยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาแต่อย่างใด และจะได้ทำการสอบปากคำ น.ส.น้ำ อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และจะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือและให้คำแนะนำกับครอบครัวนี้ เพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของเด็กอีกครั้งหนึ่ง.
Discussion about this post