
วันที่ 13 ม.ค.67 ที่จังหวัดนคร พนม บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัวและความสนุกสนานของเด็กและเยาวชน ที่ผู้ปกครองพามาร่วมกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติที่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนจัดขึ้น โดยแต่ละแห่งก็จะมีกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออกถึงความสามารถ ฝึกทักษะ พัฒนาความคิด จิตนาการ ทดสอบปฏิภาณไหวพริบ และการเรียนรู้เพื่อซึมซับวิถีชีวิต ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามไปพร้อมกับการชิงของรางวัลต่างๆ รวมถึงการปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนเป็นคนดี มีจิตอาสาที่พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต ภายใต้คำขวัญวันเด็กประจำปี 2567 มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย ที่เขตเทศบาลเมืองนครพนม มีการจัดกิจกรรมที่บริเวณถนนหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองนครพนม หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง สวนเทิดพระเกียรติท้ายเมือง โดยสำนักงาน กสทช. นครพนม ศูนย์วิทยาศาสตร์การศึกษาวิทยาศาสตร์ จ.นครพนม
นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ เทศบาลเมืองนครพนม ประจำ พ.ศ.2567 อ่านพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว และอ่านสารนายยกรัฐมนตรี ให้เยาวชนได้รับทราบ พร้อมนี้ได้มอบถุงเท้า ให้กับเด็กนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 240 คู่ จับสลากมอบจักรยานให้กับเยาวชน สนับสนุนให้ออกกำลังกาย เสริมสร้างความเเข็งเเรงของร่างกายเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ให้มีความสมบูรณ์ทั้งความรู้ ร่างกาย และความฉลาดทางอารมณ์
ส่วนที่บริเวณหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง อ.เมือง จ.นครพนม พล.ร.ต. นรินทร์ ขาวเจริญ ผบ.นรข. เป็นประธานในการจัดกิจกรรมในวันเด็ก ประจำปี 2567 ประชาชนนำบุตรหลานเข้าร่วมกิจกรรมในวันเด็กพร้อมทั้งรับของที่ระลึก เด็ก เป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญยิ่งของประเทศ เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า และมั่นคง เด็กจึงควรเตรียมตัวที่จะเป็นกำลังของชาติด้วยการขยันหมั่นศึกษาหาความรู้ และใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ประพฤติตนอยู่ในระเบียบ วินัย มีความขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงาน ด้วยความรับผิดชอบ ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต มีความเมตตากรุณา ช่วยเหลือผู้อื่น เสียสละ และบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม ช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากร และรักษาสาธารณะสมบัติส่วนรวมของชาติ หากเด็กทุกคนได้ตระหนักถึงอนาคตของตนและของประเทศชาติ โดยพยายามประพฤติปฏิบัติตนให้ได้ตามที่กล่าวข้างต้นอย่างเหมาะสมกับวัยแล้ว ก็จะได้ชื่อว่าเป็น “เด็กดี” ชาติบ้านเมืองก็จะมีความเจริญผาสุก ร่มเย็น ด้วยเหตุดังกล่าว ทางราชการจึงกำหนดให้มี “วันเด็กแห่งชาติ” ปีละครั้ง โดยถือเอาวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมเป็นวันสำคัญสำหรับเด็กของชาติ ทางราชการและหน่วยงานต่าง ๆ จึงได้จัดงานเพื่อให้เด็กได้ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ด้านต่าง ๆ พร้อมกับให้ความบันเทิงรวมทั้งเสริมสร้างความเข้าใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว เพื่อให้เด็กได้ซึมซับว่าเมื่อใดโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง มีกิจกรรม การแสดงดนตรี การแข่งขันตอบปัญหา การแจกของขวัญและมอบของที่ระลึก ทั้งนี้ เพื่อให้เยาวชนได้ศึกษาหาความรู้ ได้ใกล้ชิดและสัมผัสกับยุทโธปกรณ์ประเภทต่าง ๆ และสนุกสนาน เพลิดเพลิน กับการแสดงที่ได้จัดเตรียมไว้.
Discussion about this post