
เมื่อวันทึ่ 14 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา สมาคมสว่างนครลำปางธรรมสถาน เปิดศูนย์การเรียนรู้ สว่างนครลำปาง และวางศิลาฤกษ์วิหาร8 เซียน โดย มี นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัชวาล ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง แขกผู้มีเกียรติร่วมในพิธี ณ มณฑลพิธี โดยมีนางนพวรรณ ธนสุวัฒน์ นายกสมาคมสว่างนครลำปางธรรมสถาน กล่าวรายงานการจัดตั้งศูนย์ฯ
วัตถุประสงค์ ของพิธีวางศิลาฤกษ์วิหาร 8 เซียน หน้าเยี้ยงไท้ เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประชาชนทั่วไป เข้ามาสักการะ องค์เทวอาจารย์ เสริมดวง แก้ปีชง บริจาคโลงศพผ้าขาวห่อศพ และเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต และวัตถุประสงค์ พิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้สว่างนครลำปาง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ สาธารณภัยต่างๆในพื้นที่่จังหวัดลำปางและใกล้เคียง ช่วยเหลือภัยตลอด 24 ชั่วโมง สนับสนุนหน่วยงานราชการตลอด สนับสนุนยานพาหนะ และเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิต บริจาคโลงศพผู้ยากไร้ สนับสนุนสำนักงานระบบการแพทย์ฉุกเฉิน
ทางด้าน นายวัชรพล ได้กล่าวว่า วันนี้ขออนุญาตแสดงความยินดีก่อนก็แล้วกันที่ได้เดินทางมาทำหน้าที่เป็นตัวแทนท่านรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ก็มีกิจกรรมสองอย่างเลยวันนี้ที่สมาคมสว่างนครลำปางธรรม ทำมาตรฐานคือการเปิดศูนย์การเรียนรู้ ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข หรือสปฉ. สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อที่จะดำเนินการในการที่จะให้ทางสมาคม มูลนิธิในทุกอำเภอ เพื่อที่จะเป็นการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้นและเหตุฉุกเฉินหัวใจวายหรือ เกิดอุบัติเหตุต่างๆหรือการทำ CPR เพื่อที่ให้ยื้อชีวิตคนให้เร็วที่สุด ถ้าลำพังจากแพทย์และพยาบาลหรือไม่ทางกระทรวงแล้วก็ไม่สามารถดำเนินการได้ และในการที่มูลนิธินี้จัดตั้งศูนย์แห่งนี้ขึ้นมาก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายในการในการดูแลการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศไทยเรา ในเรื่องของบัตรประชาชน ท่านรัฐมนตรีเองก็มีนโยบายว่าจะเปิดอีกภายในเดือนกุมภา มีนาเราจะเปิดอีก 8 จังหวัด ถ้าจังหวัดไหนพร้อมก่อนแล้วก็จะเกิด แต่คาดว่าภัยในปีนี้จะครอบคลุมได้ประมาณ 80 ถึง 90% ทั้งประเทศ เพื่อที่จะให้ประชาชนที่เจ็บป่วยที่ไหนก็รักษาที่นั่น ได้ลดเวลาที่จะไปโรงพยาบาล บางคนไปตีสี่ตีห้า กว่าจะนักษาเสร็จก็สี่ถึงห้าโมงเย็นถึงจะกลับบ้านได้ ต่อไปก็สามารถนัดหมอได้ ซึ่งสามารถรับยาได้ทุกที่ ทำให้ทุกคนที่เกิดความเท่าเทียมกัน พี่น้องประชาชนสามารถไปรักษาพยาบาลได้ซึ่งเป็นนโยบายที่เร่งด่วน.
Discussion about this post