เมื่อเวลาเช้าวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 พ.ต.อ. ประลอง พรหมศร ผกก.สภ.นายูง จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งจากนายทองคำ กองพิลา กำนัน ต.นาแค ว่า ได้มีเหตุนายวิรัตน์ ชัยมีเขียว หรือวี อายุ 49 ปี ลูกบ้าน อยู่บ้านเลขที่ 39 ม.6 ต.นาแค อ.นายูง โทรศัพท์มาติดต่อขอมอบตัว หลังใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงคนเสียชีวิต ในสวนยาง ท้ายหมู่บ้าน บ้านวังแข้ ม.3 ต.นาแค อ.นายูง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งจึงสั่งการให้ พ.ต.ต.สมิง โถทอง สว. สอบสวน สภ.นายูง พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.นายูง อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบศพนายสุวัตรชัย บัวลาภ หรือเฟรม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 ม.6 ต.นาแค อ.นายูง จ.อุดรธานี สวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวลายพราง รองเท้าแตะสีเขียว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองยาว ทำให้มีกระสุนลูกปรายเข้าที่ศีรษะจำนวนหลายแผล นอนหงายเสียชีวิตอยู่ ใกล้กับมือข้างขวาของศพ พบมีดกรีดยางและไฟส่องสว่างคาดศีรษะตกอยู่ เบื้องต้นได้นำศพไปเก็บรักษาไว้ที่ รพ.นายูง เพื่อรอดำเนินการต่อไป ส่วนผู้ต้องหาได้นำตัวพร้อมปืนลูกซองยาว และปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 ปลอก มาทำการสอบสวนที่ สภ.นายูง
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายวีและนายเฟรม มีสวนยางติดกัน นายวีสร้างกระท่อมพักคอยเฝ้าสวน หลังกรีดยางเสร็จได้เข้านอนตามปกติ จนเวลาประมาณ 05.00 น. นายวี ได้ยินเสียงสุนัขที่เลี้ยงไว้เห่าเสียงดัง นายวีจึงไปเอาปืนออกมาดู เพราะคิดว่าอาจจะมีคนร้ายมาขโมยขี้ยาง จากนั้นได้ยิงปืนออกไปตามเสียงสุนัข 1 นัด เมื่อเสียงเงียบลง นายวีจึงออกไปดูก็พบร่างนายเฟรมนอนเสียชีวิต รอจนกระทั่ง 06.20 น. นายวี จึงโทรไปบอกญาติ และโทรแจ้งกำนัน แล้วให้ญาติพาเข้ามอบตัวทันที โดยระหว่างสอบปากคำนายวีแจ้งว่า ขอให้ปากคำเพิ่มเติมในชั้นศาลเท่านั้น
หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนได้เชิญ นางตา ป้องพา อายุ 62 ปี น.ส.เดือนเพ็ญ สมบุตร หรือแนน อายุ 20 ปี ยายและภรรยานายเฟรม ผู้เสียชีวิต มาทำการสอบปากคำ โดยมีญาติพี่น้องจากทั้งสองครอบครัวเดินทางมาร่วมให้ปากคำ และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งนางประสิทธิ์ พันธลิท อายุ 45 ปี น้องสาวนายวี ผู้ต้องหา ได้เข้าไปพูดคุยกับนางตา เพื่อขอโทษต่อเรื่องที่เกิดขึ้น และพยายามจูงมือนางตาเข้าไปพูดคุยกับนายวี แต่ครอบครัวนายเฟรมได้ห้ามไว้และปฏิเสธ อ้างว่าจะรีบกลับบ้านไปจัดเตรียมงานศพ และขอให้ดำเนินคดีไปตามขั้นตอน
ต่อมาเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน นางตากับน.ส. เดือนเพ็ญฯ ยายและภรรยานายเฟรม ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ห่างจากกระท่อมของนายวีประมาณ 30 ม. ห่างจากกระท่อมของนายเฟรมประมาณ 200 ม. ญาติได้จัดขันธ์ 5 ดอกไม้ ธูป เทียน เพื่อไปเชิญดวงวิญญาณนายเฟรมกลับบ้าน ที่บ้านเลขที่ 116 ม.6 ต.นาแค อ.นายูง จ.อุดรธานี สถานที่ตั้งศพและจัดพิธีบำเพ็ญกุศล ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ โดยยายได้จุดธูปบอกดวงวิญญาณนายเฟรมให้ไปสู่สุขคติ ส่วน น.ส.แนนได้เคาะโลงศพ ก่อนใช้มือลูบกระจกบนฝาโลงเพื่อดูศพสามี สะอื้นร้อง ไห้อยู่ตลอดเวลา เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดวันฌาปนกิจ เนื่องจากต้องรอแม่ของยายเฟรมกลับจากทำงานที่ประเทศมาเลเซียก่อน
นางตา ยายนายเฟรม กล่าวว่า นายเฟรมเป็นลูกชายของลูกสาวตน พ่อแม่นายเฟรมแยกทางกันตั้งแต่ยังเล็ก แม่เขาไปทำงานต่างประเทศตั้งแต่เขายังเด็กอยู่ ตนเลี้ยงเขาเหมือนลูก บ้านตนมีสวนยาง 30 ไร่ แบ่งสวนยางประมาณ 3 ไร่ ให้นายเฟรมกรีดยาง ซึ่งติดกับที่ดินของนายวี ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันเลย ยังไม่รู้สาเหตุว่าทำไมนายวีถึงต้องทำแบบนั้น เสียใจมากที่หลานต้องมาตายแบบนี้ เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด มีอะไรก็ไม่ค่อยบอกใคร หลานจะออกจากไปบ้านไปกรีดยางประมาณ ตี 1 ตี 2 กลับอีกทีก็ตอนเช้า เป็นแบบนี้ทุกวัน ส่วนนายวีตนยังไม่ได้คุยด้วย ไม่เชื่อว่าจะเป็นการยิงขู่คนร้ายตามที่เขาอ้าง แต่ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เมื่อคืนสามีตนหรือตาผู้ตายก็นอนเฝ้าสวนยาง เช้ามืดประมาณตี 4 ตาก็กลับบ้าน ก็ยังไม่รู้ว่าหลานตาย ยังนึกว่าหลานยังกรีดยางอยู่ นายวีก็ไม่ได้มาบอกครอบครัวตนเลย มารู้อีกทีก็มีชาวบ้านมาบอก และเขาก็มอบตัวกับกำนันแล้ว
ส่วน น.ส.แนน กล่าวว่า เพิ่งอยู่กินกับนายเฟรมได้ประมาณ 7 เดือน ไม่มีลูกด้วยกัน แต่นายเฟรมมีลูกติดเป็นผู้ชาย 1 คน อายุประมาณ 2 ขวบ อยู่กับทางเมียเก่าเขา ปกติตนจะออกไปกรีดยางกับสามีทุกวัน แต่เมื่อคืนนี้สามีบอกว่าไม่ต้องออกไปด้วยให้รออยู่บ้าน ก่อนไปไม่มีลางสังหรณ์ไม่ดีอะไร กินข้าวเย็นกันปกติ แต่ก็แปลกใจที่สามีเอาปืนอัดลมออกมาเล่น เอามาหยอกตน ตนมารู้ว่าสามีถูกยิงตายประมาณ 7 โมงเช้า เสียใจมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สามีเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด มีปัญหาอะไรก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง ส่วนคนยิงตนไม่รู้จัก ไม่เคยคุยด้วย ไม่รู้ว่าเขามายิงสามีตนทำไม หากย้อนเวลาได้ตนจะไม่ให้สามีออกไปกรีดยางในคืนนั้น
นางประสิทธิ์ฯ น้องสาวนายวีผู้ต้องหา กล่าวว่า พี่ชายโทรบอกว่ายิงคนตายที่ข้างสวนยาง พวกตนตกใจมาก พี่ชายไม่ได้บอกเหตุผลที่ทำลงไป พี่ชายเอาแต่เงียบ ยังไม่ได้บอกอะไร พี่ชายเป็นคนร่าเริง เป็นคนตลก เป็นโสด ไม่มีครอบครัว อาศัยอยูกระท่อมสวนยางมานานกว่า 20 ปีแล้ว เป็นคนธรรมมะธรรมโม ทุกวันพระจะเข้ามาสวดมนต์ในหมู่บ้าน ทั้งสองไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน แต่เท่าที่ทราบผู้ตายก็มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อยากขอโทษครอบ ครัวคนตาย เพราะที่ผ่านมาก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน มีอะไรก็ดูแลกัน แบ่งกันกินแบ่งกันใช้มาตลอด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยว ข้องทุกคน และเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมด ก่อนแจ้งข้อกล่าวหากับนายวิรัตน์ ชัยมีเขียว หรือวี ว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต” เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
Discussion about this post