ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจด่านมะขามเตี้ย รับแจ้งเหตุเกิดเพลิงไหม้โรงงานผลิตน้ำมันชีวภาพ ที่หมู่ 6 ตำบลกลอนโด อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ที่เกิดเหตุพบ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลตำบลด่านมะขามเตี้ย อบต.ด่านมะขามเตี้ย อบต.กลอนโด อบต.จรเข้เผือก และเทศบาลเมืองปากแพรก ช่วยกันฉีดน้ำดับเพลิงที่รุกไหม้บริเวณเตาหลอม พบนายคมสันต์ จันทินมาทร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ตำบลกลอนโด และเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมฯ ในที่เกิดเหตุ ขณะที่คนงาน 40 กว่าคน ได้ออกมารวมกันอยู่ด้านนอกอาคาร โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
นายคมสันต์ จันทินมาทร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ตำบลกลอนโด เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน เวลา 13.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานดังกล่าว ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของตน จึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบต้นเพลิงมาจากถังหลอมยางรถยนต์ภายในโรงงาน เปลวงเพลิงและควันพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่รถดับเพลิงจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กว่า 10 คัน ระดมกำลังช่วยกันดับเพลิง โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชม. จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
นายเอกปริญญา เรือนแก้ว ผู้จัดการโรงงานผลิตน้ำมันชีวภาพ กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ เปิดมา 9 ปี ลักษณะการทำงาน คือ จะนำยางรถยนต์เก่ามาหลอม เพื่อผลิตเป็นน้ำมันชีวภาพ และผงคาร์บอน ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ช่วงเกิดเหตุ คนงานประมาณกว่า 40 คน ที่กำลังทำงาน ต่างตกใจเมื่อรู้ว่าเกิดเพลิงไหม้ และได้วิ่งออกมารวมกันด้านนอกโรงงาน เพื่อความปลอดภัย จากนั้นจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งรถดับเพลิงจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เข้ามาช่วยควบคุมเพลิง ประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิง จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย เทศบาลตำบลด่านมะขามเตี้ย อบต.ด่านมะขามเตี้ย อบต.กลอนโด อบต. จรเข้เผือก อบต.เกาะสำโรง กว่า10 คัน เข้ามาช่วยดับเพลิงกันอย่างเร่งด่วนโดยฉีดน้ำ ไปเวลาผ่านไป 2 ชม.ก็ยังไม่สามารถระงับเพลิงได้ จึงประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองปากแพรก ซึ่งใช้โฟมในการควบคุมเพลิง ให้เข้ามาช่วย ไม่นานก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
เบื้องต้น ประเมินมูลค่าความเสียหายจากเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท หลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี เข้ามาตรวจสอบสภาพถังหลอมยางที่เกิดเพลิงไหม้ โรงงานมีถังหลอมทั้งหมด 6 ถัง ซึ่งถังที่เกิดเหตุ คือ ถังที่ 6 จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบว่า ถังที่เหลือมีความเสี่ยง ที่อาจจะเกิดชำรุดคล้ายกับถังที่เกิดเหตุได้ จึงสั่งให้หยุดประกอบกิจการก่อนเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะดำเนินการซ่อมแซมถังหลอมยางทั้งหมดให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อพบว่าถังหลอมมีสภาพที่พร้อมใช้งานแล้ว จึงจะเปิดกิจการได้ตามปกติ.
ภูริตา สายแก้ว/ กาญจนบุรี
Discussion about this post