
วันที่ 25 ก.พ.67 เวลา 10.00 น.ที่ สภ.บางบัวทอง ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี น.ส.ชุติกาญจน์ อายุ 52 ปี และนายแบงค์ (นามสมมุติ) ลูก ชาย อายุ 15 ปี พร้อมนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความ เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนัก งานสอบสวน กรณีโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง ได้ให้น้องไปถ่ายรูปเป็นพรีเซนเตอร์และได้นำภาพไปติดในป้ายรับสมัครเรียนตามที่ต่างๆ หลายแห่ง ซึ่งแม่มีความกังวลใจในเรื่องของความปลอดภัย และทราบจากลูกชายว่าทางโรงเรียนดังกล่าวได้ให้ลูกชายทำกิจกรรมของทางโรงเรียนบ่อยครั้ง จนผลการเรียนตก บางวันไปโรงเรียนได้เรียนแค่ 2 คาบครูก็มาตามไปทำกิจกรรม จนตัวเด็กมีความเครียดหนักและไม่กล้าปฎิเสธครูเวลาครูมาตามไปทำกิจกรรม ทุกวันนี้ลูกไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว รู้เรื่องเพราะลูกอัดคลิประบายความอึดอัดทีโรงเรียนส่งให้แม่ฟัง เผยหลังจากนี้คงต้องย้ายโรงเรียนให้ลูก
น.ส.ชุติกาญจน์ เล่าว่า เมื่อก่อนผลการเรียนของลูกดีมาตลอด พอย้ายมาเรียนที่โรงเรียนนี้ตอนเกรด7(ม.1)น้องก็ยังโอเค มีให้ทำกิจกรรมบ้างแต่ไม่เยอะ ผลการเรียนน้องก็ได้ที่ 1 ตลอด แต่พอน้องขึ้นเกรด8(ม.2) ครูเริ่มให้ทำกิจกรรมเริ่มเยอะขึ้น เวลาเรียนน้องแทบจะไม่มี ครูส่งน้องไปซ้อมท่องสคริปท์เพื่อทำโฆษณาของโรงเรียน พาน้องไปทำกิจกรรมต่างๆ สร้างชื่อให้กับโรงเรียน แต่ไม่คิดถึงผลการเรียนของน้องเลย และสภาพจิตใจของน้องตอนนี้เครียดมาก ถึงขนาดบอกแม่ว่าไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว
ที่แม่กังวลมากที่สุดคือทางโรงเรียนนำรูปของน้องไปติดบนป้ายรับสมัครเรียนของโรงเรียนและติดประกาศอยู่หลายแห่ง เท่าที่แม่ไปเจอเกือบ10 ที่ได้ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของน้องมากกว่า แต่ที่ผ่านมาน้องไม่กล้าบอกแม่เพราะกลัวว่าแม่จะเครียดด้วย ก่อนหน้านี้ครูเข้าไปเรียกน้องถึงในห้องเรียนขณะที่น้องกำลังเรียนอยู่ และตอนน้องไม่อยู่ห้อง ครูก็เอาเอกสารใบตอบรับผู้ปกครองเรื่องชำระค่าเทอมมาสอดไว้ในแฟ้มเอกสารของน้องโดยที่น้องไม่รู้ตัว จนเลยวันกำหนดชำระค่าเทอม ครูก็ได้ทักมาหาตนให้ไปชำระค่าเทอม 40,000 บาทและมีค่าปรับอีก 4,000 บาท ซึ่งแม่เองก็งงมาก จึงไปถามลูกเพื่อถามหาเรื่องเอกสารจนลูกต้องรีบไปค้นจึงพบว่าเอกสารดังกล่าวถูกสอดเข้ามาในแฟ้มเอกสารโดยที่ตัวลูกไม่รู้ตัว ด้วยความที่กลัวแม่จะเครียดลูกชายจึงนำเงินค่าขนมที่เก็บมาไปจ่ายค่าปรับจำนวน 4,000 บาทเอง ซึ่งแม่ไม่ได้เครียดกับเรื่องจำนวนเงิน เพราะที่ผ่านมาแม่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องจ่ายค่าเทอมเลยซักครั้ง
น้องแบงค์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนมีความลำ บากใจและมีความเครียดมากๆ เพราะทุกวันนี้ไม่อยากไปเรียนแล้ว เพราะเวลาเข้าห้องเรียนต้องนั่งผวาเวลามีคนเปิดประตูเข้ามา เพราะที่ผ่านมาเวลาตนนั่งเรียนอยู่ครูจะชอบเดินเข้ามาในห้องแล้วเรียกตนออกไปทำกิจกรรมทุกวัน บางวันเรียนได้แค่ 2 ชั่วโมงเอง ทุกวันนี้เรียนไม่ทันเพื่อนแล้วผลการเรียนก็แย่ จากเมื่อก่อนเรียนได้ที่ 1 หรือไม่ก็ติด 1 ใน 3 ตลอด ที่ผ่านมาโรง เรียนให้ตนท่องสคริปท์เพื่อถ่ายโฆษณาของทางโรงเรียนแต่ตนรู้สึกผิดไม่อยากทำเพราะในสคริปท์ไม่ตรงกับความเป็นจริงเหมือนกำลังหลอกคนอื่น เวลาครูเรียกไปทำกิจกรรมตนไม่กล้าปฎิเสธเพราะกลัวว่าจะทำให้ครูไม่พอใจและแสดงอาการไม่ชอบใจตน เพราะที่โรงเรียนจะมีนัก เรียน 2 กลุ่ม กลุ่มที่ทำกิจกรรมให้โรงเรียนจะได้รับการดูแลพิเศษ ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้มีส่วนร่วมตรงนี้ครูก็จะเมินไม่ค่อยสนใจ เวลาจะกินข้าวยังแทบไม่มี ต้องรีบกินรีบไปทำกิจกรรมจนครูประจำชั้นต้องมาบอกให้ค่อยๆกิน ตอนนี้เครียดมากไม่รู้จะบอกใคร เลยบันทึกเสียงระบายความในใจไว้ และสุดท้ายตัดสินใจมาบอกแม่ถึงเรื่องดังกล่าว.
ทางด้าน ทนายกฤษณะ กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้ฟังเรื่องราวต่างๆจากแม่น้องแล้ว และได้มีการประสานกับทางโรงเรียนเพื่อขอคำชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ที่ผ่านมาทางเราเองก็ได้มีการทำเอก สารขอเข้าพบกับทาง ผอ.โรงเรียน อย่างถูกต้อง แต่ไม่ทราบด้วยเหตุผลอะไรทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้เข้าพบ ซึ่งที่ผ่านมาตนและแม่ของน้องได้เข้าไปขอเข้าพบถึง 2 ครั้งแล้ว แต่ก็ถูกปฎิเสธตลอด
จากการสอบถามน้องเองก็มีความอึดอัดใจและไม่กล้าระบายหรือบอกเรื่องราวต่างๆให้แม่ได้รับทราบถึงเรื่องที่โรงเรียนเอาน้องไปเป็นพรีเซน เตอร์หรือว่าไปถ่ายภาพนิ่งต่างๆ เพื่อการโฆษณาในขณะที่น้องยังเรียนอยู่ และไม่กล้าที่จะปฎิเสธครู เนื่องจากตัวน้องก็ยังเรียนอยู่ในสถาบันนั้น แต่น้องก็ไม่กล้าที่จะบอกให้แม่รู้เรื่องดังกล่าวเพราะเห็นว่าแม่ก็มีเรื่องเครียดๆอยู่แล้ว จึงได้มีการอัดคลิปเสียงความอึดอัดใจของน้องและให้แม่ฟัง หลังจากแม่ได้ฟังก็รู้สึกสงสารลูกว่าทำไมลูกถึงได้ถูกกระทำแบบนี้ หลังจากนี้ก็คงต้องดูในเรื่องของ พรบ.คุ้มครองเด็กเพื่อนำไปพูดคุยกับทางโรงเรียนเพื่อหาแนวทางแก้ไข ซึ่งในวันนี้ที่มาพบพนักงานสอบสวนแม่ของน้องเองก็ไม่ได้อยากจะเอาเรื่องอะไรกับทางโรงเรียนแต่อยากให้ทางโรงเรียนแสดงความรับผิดชอบและชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาทางโรงเรียนไม่ยอมให้เข้าพบ จึงต้องอาศัยพนักงานสอบสวนเชิญมาพูดคุยกัน เบื้องต้นก็อยากให้มีการไกล่เกลี่ยหรือพูดคุยชี้แจงกันก่อน.
Discussion about this post