นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ตามที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้ครั้งที่ 18 ณ เมืองคาเซเน สาธารณะรัฐบอตสวานา
องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียนสงกรานต์ในประเทศไทย อยู่ในรายการบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติปี 2567 และเพื่อเป็นการส่งเสริมและแสดงออกถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่น
เมืองแพร่
จังหวัดแพร่จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์ เพื่อสืบสาน คุณค่าทางวัฒนธรรมเนื่องในประเพณีสงกรานต์ พ.ศ. 2567 ตามแนวคิด นุ่งผ้าเมือง อู้กำเมือง ดำหัวแบบคนเมือง และขอความร่วมมือรณรงค์แต่งกายด้วยผ้าหม้อห้อม ผ้าทอพื้นเมือง ผ้าลายอัตลักษณ์ของจังหวัดแพร่ ตลอดเดือนมกราคม-เดือนเมษายน 2567 ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ ผู้ผลิต และพ่อค้า แม่ค้า ผ้าหม้อห้อม ผ้าพื้นเมืองของจังหวัดแพร่
ทั้งนี้ การนุ่งผ้าเมือง หมายถึงการแต่งกายด้วยผลิตภัณฑ์ผ้าหม้อห้อม หรือผ้าทอมือ ที่ผลิตในเมืองแพร่ เป็นการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้แก่คนในท้องถิ่นอู้กำเมือง หมายถึง การรณรงค์ให้
มีการใช้ภาษาคำเมือง หรือภาษาถิ่น ในการพูดจาสื่อสารกันตลอดจนทักทายปราศรัยแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดแพร่ช่วง
เทศกาลปี๋ใหม่เมือง
การดำหัวแบบคนเมือง หมายถึงการดำหัวญาติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือหรือพระสงฆ์ด้วยวิธีการแบบประเพณีดั้งเดิมของชาวล้านนาคือ การนำขันน้ำหรือสลุงใส่น้ำสะอาด ผสมผงขมิ้น ฝักส้มป่อยเผาไฟลอยด้วยดอกสารภีแห้ง ดอกมะลิสด มะกรูดฝานเป็นแว่นบางๆ พร้อมด้วยดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องอุปโภค-บริโภค จัดใส่พานหรือภาชนะให้เรียบร้อย นำไปวางตรงหน้าผู้ใหญ่ด้วยกิริยาที่สุภาพนอบน้อม แล้วกล่าวคำขอขมา และขอรับพรปี๋ใหม่ หรือปอนปีใหม่พร้อมยกมือขึ้นประนมระหว่างอก และกล่าวคำว่า “สาธุ” เมื่อผู้ใหญ่ให้พร หรือปั่นปอนเสร็จ หลังจากนั้นผู้ใหญ่จะใช้มือแตะน้ำขมิ้นส้มป่อย ลูบศีรษะตัวเอง เป็นอันเสร็จพิธี(การนำน้ำขมิ้นส้มป่อยไปรดที่มือของผู้ใหญ่เป็นวิธีการที่ไม่นิยมกระทำในประเพณีล้านนา)
ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
Discussion about this post