
ข้าราชการบำนาญ นำชาวบ้านและผู้ประกอบการในจังหวัดกาฬสินธุ์ ล่ารายชื่อผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้างระบบท่อประปา งบประมาณ 148 ล้านกว่า 20 รายชื่อ เพื่อแจ้งความผู้รับเหมาขาใหญ่เกียร์ว่าง ทำงานเหลาะ แหละ กระท่อนกระแท่น สร้างปัญหาต่อชุมชน กระทบต่อสุขภาพ เสียโอกาสสร้างรายได้ เรียกร้องเยียวยาความเสียหาย เพราะเกิดปัญหาสะสมสารพัดมากว่า 5 ปี ทั้งอุบัติเหตุ มลพิษ วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวหลายรายถึงกับอพยพหนี เศรษฐกิจเสียหายมูลค่ามหาศาล
จากกรณี คณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.กาฬ สินธุ์ ร่วมกับ ปปท.เขต 4 ลุยสอดส่องสืบโครง การรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ ของกรมโยธาธิการและผังเมืองงบ 148 ล้านบาท “สร้าง 7 ชั่วโคตรยังไม่เสร็จ” ร้องเรียนหลายแล้วก็ยังสร้างเสร็จ แม้กรมโยธาฯขยายเวลาให้จนใกล้ครบสัญญาแล้ว นอก จากนี้ยังได้ร่วมกันตรวจสอบโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องตลิ่งริมแก่งดอนกลาง งบ 39 ล้านบาท ซึ่งพบว่าเป็นผู้รับเหมารายเดียวกัน ด้านชาวบ้านแฉซ้ำตั้งแต่ร้องเรียนทั้ง 2 โครงการ ไม่เคยเห็นบริษัทรับเหมามาทำงานก่อสร้างต่อ ทำให้เกิดปัญหาสะสมเรื้อรังมานานกว่า 5 ปี ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจเมืองกาฬสินธุ์พังยับกว่า 750 ล้านบาท ในขณะที่ผู้รับเหมากว่า 50 ราย เตรียมตบ เท้าแจ้งความเอาผิดบริษัทใหญ่ และวอนกรรมาธิ การ ปปช.-ปปง.สภาผู้แทนราษฎร อภิปรายปัญ หานี้ในสภาฯ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่บริเวณถนนพร้อม พรรณอุทิศ เชื่อมกับถนนเลี่ยงเมืองสงเปลือย เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งของโครงการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองฯ นายประหยัด เรเชียงแสน ข้าราชการบำนาญ พร้อมด้วยนายสังวาลย์ การรักษา อายุ 51 ปี ผู้ประกอบการร้านอาหาร ได้รวบรวมรายชื่อชาวบ้าน และผู้ประกอบ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการรับเหมาดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อเป็นเอกสารประกอบแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์
นายสังวาลย์ การรักษา กล่าวว่า เปิดกิจการร้านอาหารและจำหน่ายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับทั้ง 2 อย่างควบคู่กันมาหลายปี เคยมีรายได้กว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน แต่พอมีโครงการขุดท่อระบายน้ำมาลง โดยนำวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และรถแบ็คโฮมาจอดริมถนนขวางหน้าร้านยังไม่พอ ยังขุดหน้าดินริมถนนหน้าร้านไว้เป็นหลุมลึก ร้านขายพันธุ์ไม้ฯ ต้องถูกปิดตายโดยปริยาย ขณะที่ร้านอาหารก็ซบเซา มีลูกค้าเข้าร้านน้อยลง ประ สบปัญหาขาดทุน เพราะลูกค้าไม่มีที่จอดรถและเข้าร้านไม่ได้
“ผู้ประกอบการหลายรายประสบปัญหาเดียวกันหมด หลายคนต้องปิดร้านหนีเพราะขาดทุน ไม่มีเงินค่าเช่าที่ดินประกอบกิจการค้าขาย โดยมาจากสาเหตุเดียวคือปัญหาการก่อสร้างของงานกรมโยธาฯ ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนสารพัด ที่เกิดจากความไม่รับผิดชอบของผู้รับเหมาขาใหญ่ที่ได้รับโครงการมาเพื่อพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ที่กลายเป็นการทำลายทำให้เมืองกาฬ สินธุ์ ไม่ได้รับการพัฒนาตมงบประมาณแผ่นดินที่ กรมโยธาฯ ได้จัดสรรให้”
นายสังวาลย์ กล่าวอีกว่า เมื่อปัญหาหมักหมมทวีความรุนแรงมากขึ้นประชาชนได้รับความเดือดร้อนให้ภาวะเศรษฐกิจและภาวะจิตใจ ทำให้ตนและชาวบ้าน รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าที่อยู่บริเวณใกล้จุดก่อสร้างที่ถูกจัดเป็นโซนนิ่งในการท่องเที่ยว ได้รับความเดือดร้อนรำคาญ ขาดโอกาสค้าขายสร้างรายได้ แม้ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านศูนย์ดำรงธรรมฯและสำนักงานโยธาจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ทราบว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ประสานกับทางผู้รับเหมาเจ้าใหญ่ แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขสักที เพียงอ้างแค่ว่าผู้รับเหมาขาดสภาพคล่อง ซึ่งนั่นเป็นปัญหาของผู้รับเหมาเอง แต่ทำไมไม่รีบเร่งหาทางแก้ไขอย่างอื่นเหมือนกับเป็นการอุ้มกันไว้ และทำไมต้องสร้างปัญหาให้คาราคาซังให้ชาวบ้านรับกรรมอย่างนี้ ผู้รับผิดชอบไม่รู้สักนิดเลยหรือว่าชาวบ้านเดือดร้อน เจ็บปวด กับปัญหาที่ผู้รับเหมาสร้างไว้ให้ เพราะผู้ประกอบการร้านค้าขาดทุนย่อยยับ และหลายรายได้เริ่มนับถอยหลังรอวันที่จะถูกธนาคารยึดบ้านยึดที่ดินแล้ว ทุกวันนี้จึงอยู่กับความจริงที่กล้ำกลืนฝืนทน ร้องเรียนแล้วหลายครั้ง เป็นข่าวหลายรอบ ก็ยังทำเฉย มาครั้งนี้ถือเป็นการเรียกร้อยครั้งสุดท้ายก็จะได้ร่วมกันลงชื่อเป็นหลักฐานเพื่อประกอบเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแจ้งความผู้รับเหมาที่เพิกเฉย ที่ทำให้เกิดปัญหาความเดือดร้อนและเสียโอกาสสร้างรายได้ และร้องขอฝ่ายยุติธรรมในการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในโอกาสต่อไป
ด้านนายประหยัด เรเชียงแสน ข้าราชการบำ นาญกล่าวว่า บริเวณที่มีการก่อสร้างโครงการดังกล่าวฯ ถือเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองกาฬสินธุ์ มีทั้งร้านอาหาร บ้านเช่า หอ พัก เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นชุมชนใหญ่แต่ชาวบ้าน ผู้ประกอบการสองฟากถนนกลับได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้างฯ มาตั้งแต่ปี 62 ซึ่งจุดถนนพร้อมพรรณอุทิศเดือดร้อนหนักมายาวนานและรุนแรงมาในช่วงประ มาณ 8 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้รับเหมานำเครื่องจักรมาทำการขุดเจาะแล้วก็หยุดงานไปเฉยๆ ทำให้เกิดมลพิษ และอุบัติเหตุ พอชาวบ้านร้องเรียนทีก็มีผู้รับเหมารายย่อยหน้าใหม่มาทำแค่วัน 2 วันก็หนีหยุดงานไป เป็นอย่างนี้ซ้ำๆซากๆ งานก่อสร้างก็ไม่เสร็จสักที
“ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการที่พัก ร้านอาหาร บ้านเช่า หอพัก ขาดทุนย่อยยับและต้องปิดกิจการไป ผลกระทบนี้ทำให้ย่านธุรกิจตรงจุดนี้ที่กำลังเจริญก้าวหน้าก็ซบเซาและเงียบสงัดเสมือนเมืองร้าง นอกจากนี้ยังทราบว่าในส่วนผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหลายรายทนไม่ได้กับสภาพปัญหาที่ส่งกระทบต่อสุขภาพได้อพยพไปอยู่ที่อื่น ในเมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ ผู้รับเหมาทำงานไม่เสร็จ ก็จะได้ร่วมกับชาวบ้าน ผู้ประกอบการ สถานบันเทิง ล่ารายชื่อแจ้งความที่ได้แล้วเบื้องต้น 22 รายชื่อ เพื่อที่จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งแจ้งความ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานยุติธรรม ทั้งนี้ ยังจะเรียกร้องในส่วนที่เสียหายและสิทธิที่พึงมีพึงได้ตามกฎหมาย ทั้งในส่วนของการเยียวยาสภาพจิตใจและความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงต้องการให้ผู้รับเหมาที่รับงานจากกรมโยธาธิการฯ ออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย เพราะที่ผ่านมายังเงียบหาย และทำมึนเมินเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ชาวบ้านและผู้ประกอบการกำลังจะตายอยู่แล้ว“นายประหยัด กล่าวในที่สุด
สำหรับ 8 โครงการนั้น มีการเปิดเผยเบื้องต้น 6 โครงการ งบประมาณรวมกว่า 415,000,000 บาท เป็นงบประมาณที่กรมโยธาธิการฯ กระ ทรวงมหาดไทย ได้อนุมัติให้จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ ในช่วงปี 2562 เพื่อให้จ.กาฬสินธุ์ เจริญก้าวหน้าตามศักย ภาพ โดยผู้รับงานนี้ เป็นผู้รับเหมาเป็นเจ้าเดียว กัน ที่ได้งานจากกรมโยธาฯ แต่ที่การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ โดยทำงานในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันและมีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างบางส่วนไปแล้ว ประกอบด้วย (1) โครงการก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งริมลำน้ำปาว หน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ งบประมาณ 108,800,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 12 ก.ย.62 สิ้นสุดสัญญา 30 ก.ย. 64 แก้ไขสัญญาค่าปรับเป็น 0 ถึงวันที่ 5 ม.ค. 67 ผลงาน 79% ช้ากว่าแผน -21% เบิกจ่าย 50,377,600 บาท, (2) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี วัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ งบฯ 59,306,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย. 63 สิ้นสุดสัญญา 9 พ.ย. 65 ขยายเวลาจาก 10 ส.ค. 65 จำนวน 91 วัน แก้ไขสัญญาค่าปรับเป็น 0 บาทถึงวันที่ 10 ส.ค. 67 ผลงาน 26.22% ช้ากว่าแผน -73.78% เบิกจ่าย 14,978,900 บาท,(3) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี (ระยะ 2)
วัดลำชีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ งบประ มาณ 59,270,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย. 63 สิ้นสุดสัญญา 10 ต.ค. 65 ขยายระยะเวลา 73 วัน ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 65 แก้ไขสัญญา ค่าปรับเป็น 0 ถึงวันที่ 10 ส.ค. 67 ผลงาน 45.77% ช้ากว่าแผน -54.23% เบิกจ่าย 21,930,500 บาท (4.) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปาว บริเวณซอยน้ำทิพย์ งบฯ 59,350,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย. 64 สิ้นสุดสัญญา 10 ส.ค.66 แก้ไขสัญญาค่าปรับเป็น 0 บาท ถึงวันที่ 14 มิ.ย.67 ผลงาน 1.65% ช้ากว่าแผน -64.37 % เบิกจ่าย 8,902,500 บาท, (5) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี บ.หนองหวาย-บ้านหนองคล้า ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ งบประมาณ 39,525,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 23 ก.ย.65 สิ้นสุดสัญญา 8 ก.พ.67 ผลงาน 0% ช้ากว่าแผน 0% เบิกจ่าย 5,928,750 บาท และ (6) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำลำพาน ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ งบประมาณ 45,490,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 23 ก.ย.64 สิ้นสุดสัญญา 4 ก.ค.66 แก้ไขสัญญาค่าปรับเป็น 0 บาท ถึงวันที่ 10 เม.ย.67 ผลงาน 15% ช้ากว่าแผน -59% เบิกจ่าย 11,753,000 บาท ส่วนอีก 2 โครงการ ยังไม่ได้รับการเปิดเผยข้อมูล ปปท.- ปปช. ยังให้ข้อสังเกตถึงการทำ งานที่ไม่แล้วเสร็จด้วยว่า เหตุใดโครงการที่จึงไม่ถูกปรับเมื่อยังทำงานไม่เสร็จผิดกับการรับเหมาเจ้าอื่นที่หากก่อสร้างไม่แล้วเสร็จจะต้องมีค่าปรับ.
Discussion about this post