เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 มี.ค. 67 ที่สำนักงานส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 7 นนทบุรี ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายอธิวัฒน์ อายุ 40 ปี พร้อมด้วยน.ส.มายด์ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี (ลูกสาว) เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ว่า น.ส. มายด์ ถูกนายกานต์ นายกี้ และน.ส.แกงส้ม เพื่อนที่โรงเรียนชวนกันไปทำงานกลุ่มที่บ้านของนายกานต์ ก่อนจะชวนให้ดื่มเหล้า และมีเพศสัมพันธ์กับนายกานต์ หลังจากนั้นได้ก่อเหตุซ้ำรวม 4 ครั้ง และพยายามข่มขู่ว่าหากไม่ยินยอมจะเล่าให้เพื่อนในโรงเรียนฟัง น.ส.มายด์ กลัวว่าจะอับอายจึงต้องจำยอม และไม่กล้าบอกครอบ ครัว เหตุเกิดระหว่างวันที่ 2-24 ก.ย. 66 แต่ผ่านมาเกือบแล้ว 6 เดือน ตำรวจไม่ยอมส่งฟ้องนายกี้ และน.ส.แกงส้ม ที่อยู่ในเหตุการณ์และเป็นคนชักชวนไปบ้านนายกานต์ด้วย พร้อมยังบอกว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องใครก็ได้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตำรวจ ทำให้ครอบครัวเกิดความไม่สบายใจเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

น้องมายด์ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี กล่าวว่า กล่าวว่า ตนเป็นเพื่อนกับน.ส.แกงส้ม นายกานต์ และนายกี้ ก่อนเกิดเหตุได้มีการทำงานกลุ่มร่วมกันและเปลี่ยนที่ไปทำที่บ้านนายกานต์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนและบ้านของตน ซึ่งในวันเกิดเหตุก็มีทั้ง น.ส.แกงส้ม นายกานต์ และนายกี้อยู่ด้วย ครั้งแรกตนตั้งใจจะไปทำงานกลุ่มและไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ซึ่งน.ส.แกงส้มและนายกี้ ได้ออกไปซื้อเหล้าและชักชวนให้ตนดื่มก่อนจะเกิดเรื่อง แต่ครั้งต่อๆ มาตนต้องจำใจไปเพราะกลัวเพื่อนจะโกรธ และไปเล่าให้เพื่อนคนอื่นในโรงเรียนฟัง จึงจำเป็นต้องยอมไปด้วย หลังจากพ่อจับได้ตนจึงเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด ตนยืน ยันว่าไม่ได้เป็นแฟนกับนายกานต์ ไม่ได้คบหากันเป็นเพียงเพื่อนในห้องเรียน ซึ่งตอนนี้ตนไปโรง เรียนก็โดนเพื่อนด่าทอ ทำให้รู้สึกอับอาย ไม่ได้ไปเรียนมาเดือนกว่าๆแล้ว ตนเสียใจที่เกิดเหตุ การณ์แบบนี้เพราะตอนนี้ตนได้รับผลกระทบจากเพื่อนในห้องที่รุนแรงกับตน เล่นแรงๆ พูดจาซ้ำเติมและด่าทอให้คนอื่นได้ยินเหมือนเป็นการประจานจนไม่มีเพื่อนคนไหนอยากมองหน้าหรือพูดคุยด้วย ตนอยากได้รับความเป็นธรรม จึงได้มาร้องกับทนายโป้งให้เข้าช่วยเหลือ
นายอธิวัฒน์ (พ่อน้องมายด์) กล่าวว่า วันที่เกิดเรื่องตนเห็นลูกยังไม่กลับบ้านจึงพยายามติดต่อจนทราบว่าอยู่กับน.ส.แกงส้ม และรู้ว่ามีเพื่อนผู้ชายอยู่ด้วย เพราะได้ยินพ่อของนายกี้ ที่อยู่บ้านตรงข้ามกันโทรตามให้กลับบ้าน จึงรู้ว่าอยู่ที่บ้านของน.ส.แกงส้มด้วยกัน ตนจึงรีบตามไปรับน้องมายด์ และต่อว่าน้องมายด์จนยอมเล่าความจริงให้ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และพาน้องมายด์ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย และพาไปแจ้งความ ซึ่งตนยืนยันว่าลูกของตนไม่ได้เป็นแฟนกับนายกานต์ เพราะลูกอยู่บ้านกับตนตลอด การที่ตนยอมให้ลูกออกไปข้างนอกเพราะแม่ของน.ส.แกงส้ม ยืนยันว่าไม่มีเพื่อนผู้ชายอยู่ด้วย และในบ้านมีกล้องวงจรปิด แต่เกิดเรื่องถึง 4 ครั้ง ยังไม่เคยบอกตนเลย ตนจึงได้ไปแจ้งความ แต่ต้องไปแจ้งความถึง 2 ครั้ง เนื่องจากตำรวจไม่ยอมแจ้งความนายกี้กับน.ส.แกงส้ม ทั้งที่ทั้ง 2 คนนี้ เป็นผู้นำพาน้องมายด์ไปที่บ้านของนายกานต์ และมีส่วนร่วมรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าวทั้งหมด
ตำรวจบอกว่านายกี้และ น.ส.แกงส้มไม่เกี่ยวข้อง แต่สถานพินิจและอัยการ แจ้งว่าต้องแจ้งดำเนินคดีกับอีก 2 คนด้วยเพราะมีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมรู้เห็นด้วยกันทั้งหมด ตำรวจกลับบอกว่าอยู่ที่ดุล พินิจว่าจะฟ้องใครหรือไม่ฟ้องใครก็ได้ แต่ตนคิดว่ามันไม่ถูกต้อง วันนี้ตนเดินทางมาหาทนายโป้งเพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เรื่องเกิดมาหลายเดือนแล้วไม่เคยได้รับการติดต่อจากร้อยเวรหรือคู่กรณี เคยแต่มีการพูดคุยกับทางคู่กรณีที่โรงพัก แม่นายกานต์อ้างว่าต้องรอให้ลูกเรียนจบก่อนและพี่สาวก็อ้างว่าทำงานราชการ ตนจึงไม่อยากพูดคุยด้วยและให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ลูกสาวของตนเป็นผู้เสียหาย จะมาให้ใครเรียนจบและรอ 3 ปี 5 ปี คงไม่ได้
ทุกวันนี้ไปส่งน้องมายด์ที่โรงเรียน ซักพักก็โทรมาร้องไห้ว่าอยากกลับบ้าน ไม่อยากไปเรียน ล่าสุดเมื่อ 2-3 วันก่อนพ่อของนายกี้ที่อยู่บ้านตรงข้ามของตนได้เดินออกมาด่าว่า “มึงจะมาเอาอะไรกับลูกกู ลูกกูเป็นผ้าขาว สะอาดบริสุทธิ์ ไม่เคยไปกระทำความผิดอะไร“ ยังพูดจาท้าทายให้ตนกับพ่อของตนออกไปตีต่อยกับเขา ซึ่งตนมีหลักฐานทั้งหมดว่าลูกของเขามีส่วนร่วมรู้เห็นและพาลูกของตนไป รวมถึงมีภาพวงจรปิดเพราะแม่ของน.ส.แกงส้ม เป็นคนส่งภาพวงจรปิดมาให้ซึ่งมีทั้งนายกานต์ นายกี้ น.ส.แกงส้ม และน้องมายด์ลูกสาวของตนอยู่ด้วยกัน เลยมั่นใจว่าทั้ง 2 คนนี้ก็มีส่วนร่วมรู้เห็นกับการกระทำความผิดทั้ง หมด
ด้าน ทนายโป้ง กล่าวว่า ตนได้ฟังข้อเท็จจริงทราบว่าครอบครัวมีความกังวลใจว่า คดีไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากตัวผู้กระทำความผิดหลักที่มากระทำชำเราน้อง พนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องอัยการแล้ว น่าจะส่งฟ้องตั้งแต่ก่อนปีใหม่ แต่ตอนนี้ล่วงเลยเวลามาถึง 3 เดือนกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ซึ่งในส่วนนี้ทางครอบครัวสามารถไปติดตามความคืบหน้าจากพนักงานอัยการได้ว่าได้มีการส่งฟ้องและคู่กรณีได้รับโทษทัณฑ์อะไรบ้าง ส่วนผู้ที่กระทำความผิดร่วมด้วยอีก 2 คน ที่มีการพากันไป รู้เห็นเป็นใจด้วย ส่วนนี้พนักงานสอบสวนยังไม่มีคำสั่งฟ้องไปพร้อมกับผู้กระทำความผิดหลัก ทางผู้เสียหายสามารถไปติดตามกับพนักงานสอบสวนได้ว่ามีเหตุผลอะไรหรือไม่ อย่างไร ถ้ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาหรือผู้กำกับของสภ. ธัญบุรีได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นตนในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมา ธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ถ้าหากเรื่องนี้ผู้เสียหายหรือผู้ปกครองมีความติดใจในเรื่องของกระบวน การยุติธรรมที่ล่าช้าหรือไม่เป็นธรรมสามารถยื่นร้องขอความเป็นธรรมมาทางตนได้เลย ตนจะนำเสนอกับท่านประธานคณะกรรมาธิการการกฎ หมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำเรื่องนี้เข้าประชุมวาระและเรียนเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เพราะน้องอายุไม่เกิน 15 ปี ต้องเข้าสู่กระบวนการของนักสังคมสงเคราะห์ และจิตวิท ยา ถ้าหากคุณพ่อยังติดใจสามารถเสนอให้ทางสภาผู้แทนราษฎรโดยคณะกรรมการการกฎ หมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ดำเนินการเรียกร้องสิทธิ์ให้ได้รับความเป็นธรรมต่อไปได้
ทนายโป้ง กล่าวต่ออีกว่า ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 บุคคลใดที่ไปกระทำชำเรากับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ก็มีความผิด จำคุกถึง 20 ปี เป็นอัตราโทษที่หนักและกรณีอีก 2 คนที่รู้เห็นเป็นใจ หรือว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการที่จะชักจูงหรือรับ-ส่ง ทำให้มีการกระทำผิดครั้งนี้ 2 คนนี้ก็ถือว่าเป็นตัวการสนับสนุนร่วมในการทำ ความผิด พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการสอบ สวนเพราะทางคุณพ่อของน้องยืนยันและมีหลักฐานว่า 2 คนนี้ เป็นคนที่ชักชวนน้องมายด์ไป ต่อให้น้องเต็มใจหรือไม่เต็มใจแต่กฎหมายก็มีเห็นชัดว่าการกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กจะเต็มใจหรือไม่ก็มีความผิด ถ้ามีหลักฐานแน่ชัดว่า 2 คนนี้อยู่ในเหตุการณ์ รู้เห็นเป็นใจ ก็ต้องได้รับความผิดด้วย เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด.
Discussion about this post