วันนี้ (6 พ.ค.67) ที่ตลาดนัดโคกระบือตำบลราม อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังเปิดตลาดให้เกษตรกรนำโค กระบือมา ซื้อขายแลกเปลี่ยน โดยตลาดนัดโคกระบือแห่งนี้ถือเป็นแห่งใหญ่ที่มีเกษตรกรนำโคกระบือมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเป็นจำนวนมากในแต่ละวันที่เปิดทำ การ โดยจะเปิดซื้อขายแลกเปลี่ยนในทุกวันจันทร์ ซึ่งในครั้งนี้ถือว่าเป็นสัญญานที่ดีในการค้าขายแลกเปลี่ยน เนื่องจากได้รับความสนใจจากชาวเวียดนาม กัมพูชาและมาเลเชีย เข้ามาซื้อโคกระบือนำกลับไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ซื้อขายโคกระบือเป็นอย่างมาก เฉลี่ยต่อวันมียอดเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งตลาดนัดโคกระบือแห่งนี้ถือเป็นตลาดแห่งใหญ่ของตัวจังหวัดสุรินทร์
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นสันญานที่ดีในการค้าขายโคกระบือของเกษตรกร แต่เรื่องของราคาโคกระบือกลับสวนทาง ในช่วงนี้ราคากลับลดลงจากแต่ก่อนเกินครึ่ง ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการค้าขายเป๋นอย่างมาก โดยราคาซื้อขายลดลงกว่าครึ่งจากที่ผ่านมา บ้างตัวเหลือไม้ถึงหนึ่งหมื่นบาท จากที่เคยขายได้ 2-3 หมื่นบาทต่อตัว แต่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคกระบือต้องจำยอมจำหน่ายออกไป
เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวที่นำมาขายบอกว่า ตลาดค้าขายโคกระบือแห่งนี้ถือว่าใหญ่ และเปิดดอกาสให้เกษตรกรได้นำโคกระบือมาจำหน่ายแลกเปลี่ยน แต่ต้องยอม รับว่าเรื่องของราคาวัว กระบือ ที่นำมาจำหน่าย ราคาตกเป็นอย่างมากช่วงนี้ ก้ไม่ทราบเหมือนกัน ขายได้แต่วัวส่วนควายขายไม่ได้เลย พ่อค้าให้ราคาขาดทุนตัว 2-3 พันบาท อย่างตัวที่เห็นห้าหมื่นกว่าบาท เขาให้ราคาแค่สองหมื่นกว่าบาท จำเป็นต้องนำกลับไปเลี้ยงไปขุนต่ออีกคามืออยู่แบบนี้ต่อไปบางตัวก็จำใจต้องขายออกไป ตลาดตำบลรามแห่งนี้ถือว่าใหญ่มาก พ่อค้าสามารถนำวัว-ควายมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้อย่างสะดวกสบาย
นายพิรุณ แก้วพินึก กล่าวว่า ตลาดนัดโคกระบือแห่งนี้เปิดบริการทุกวันจันทร์ ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่าย เดิมเป็นที่สาธารณะประ โยชน์ที่ชาวบ้าน หมู่ 8 บ้านสวาย ตำบลราม ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ปัจจุบันพี่น้องทุกภาคของประเทศทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ภาคกลาง ที่มาใช้ประโยชน์ร่วมกันรวมถึงพี่น้องจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย ที่เข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าโค-กระบือที่ตลาดนัดของพวกเรา โดยในแต่ละนัดมีโค-กระบือเข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนประมาณ 2,500 ตัว มียอดเงินหมุนเวียนในแต่ละนัด 20 ถึง 30 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วเดือนหนึ่งประมาณ 100 กว่าล้านบาท แต่ขณะนี้ปัญหาที่เราเจอและหนักใจก็คือเกษตรกรที่เลี้ยงวัวต้นน้ำ คือเลี้ยงแม่พันธุ์โค-กระบือเพื่อเอาลูกเพื่อจำหน่าย ตอนนี้ประสบปัญหาหนักมาก เนื่องจากราคาโค-กระบือตกต่ำเป็นอย่างมาก ก่อนโควิด-19 ระบาดเคยขายได้ตัวละ 30,000 ถึง 40,000 บาท ตอนนี้ขายได้แค่ตัวละ 10,000 กว่าบาท ส่งผลทำให้เกษตรกรที่เลี้ยงโค-กระบือได้รับความลำบาก จึงอยากจะฝากไปยังรัฐบาลให้ช่วยในเรื่องของราคาสินค้าของเกษตรกร
โดยเฉพาะโค-กระบือตอนนี้เดือดร้อนมากๆอยากให้ทางภาครัฐได้หันมาใส่ใจดูแลคุณภาพชีวิตของพี่น้องเราด้วย ตอนนี้สัญญาณที่ดีก็คือเรามีพี่น้องจากเพื่อนบ้านทั้งประเทศเวียดนาม กัมพูชา และประเทศมาเลเซีย เข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ตลาดนัดของพวกเรา ทำให้สภาพการซื้อขายในตลาดแลดูคึกคักมากขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าราคาโค-กระบือยังไม่ดีขึ้น จึงอยากจะฝากให้ทางภาครัฐได้หันมาใส่ใจบรรจุไว้เป็นซอฟพาวเวอร์ของรัฐบาลสักหนึ่งโครงการก็จะดีมาก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจของเกษตรกรไทย ตนก็ขอเชิญชวนพี่น้องนายฮ้อยทุกภาคของประเทศ และวันนี้ก็มีทั้งมาจากภาคเหนือ จ.พิษณุโลก อุทัยธานีประจวบคีรี ขันธ์ เพชรบุรี สระแก้ว ชลบุรี ราชบุรี และจ.ลพบุรี แล้วก็มีพี่น้องเราจากประเทศด้วยเพื่อนบ้าน มาตลาดนัดโค-กระบือ ตำบลราม อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เปิดทำการทุกวันจันทร์ เข้าเช้าออกบ่าย ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นซอฟพาวเวอร์ ของจังหวัดสุรินทร์ เป็นตลาดนัดที่เรียกว่าใหญ่ที่สุดในอิสานใต้ก็ว่าได้
โดยตลาดของเรานี้ไม่ใช่ตลาดของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการลงหุ้นของชาวบ้านในเขตตำบลราม ซึ่งตอนนี้มีชาวบ้านที่มาลงหุ้นกันตรงนี้ประมาณ 600 กว่าราย ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดสาธารณะไม่ใช่ตลาดของคนใดคนหนึ่ง.
Discussion about this post