เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 นายประวิทย์ ใจคำ หัวหน้า อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย กล่าวว่า ณ เวลานี้ ฤดูกาลไฟป่า (หน้าไฟ) ของปี 2567 ของอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัยคงจะสิ้นสุด และจบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ฝนที่เริ่มทยอยตกตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม และตกเรื่อยมาจนถึงวันนี้ ทั่วพื้นที่อุทยานฯ น่าจะชุ่มฉ่ำ ใบไม้ใบหน้าต่างๆ ก็ผลิใบเขียวขจีคลอบคลุมป่าเกือบทั้งสองแสนห้าหมื่นกว่าไร่แล้ว คงเหลือทิ้งไว้แต่ร่องรอยไฟไหม้หนักในบางพื้นที่ที่เป็นป่าดิบ ยังพอเห็นรอยไฟไหม้อยู่ ในส่วนที่เป็นป่าเต็งรัง (ป่าแพะ) และป่าเบญจพรรณนั้น เขียวขจีเกือบ 100 % แล้ว
“ปีนี้ ถือว่าเป็นฤดูกาลไฟป่าที่หนักหน่วงมากอีกปีหนึ่งก็ว่าได้ เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ร้อนและแล้งจัด แล้งยาวนาน (มีฝนตกในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 1 ห่า, วันที่ 19 มีนาคม 1 ห่า และในช่วงกลางเดือนเมษายนหลังสงกรานต์อีก 1ห่า ซึ่งน้อยมากๆ) เราเริ่มดับไฟกันมาตั้งแต่ช่วงวันที่ สิบต้นๆของเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งในเดือนนี้ เราตามเก็บได้ทุกจุด แม้จะเป็นเขาสูงชัน ก็ตามเก็บได้หมด จนไม่เกิด hotspot ขึ้นเลยตลอดทั้งเดือน”
หน.ประวิทย์ ฯ กล่าวอีกว่า พอเข้าสู่ช่วงเดือนมีนาคม อากาศเริ่มร้อนและแล้งจัด วันที่ 1 มีนาคมฯ วันเดียว เกิดไฟป่าขึ้นสิบกว่าจุด ซึ่งเราก็ตามดับ แต่ด้วยว่าคนของเราดับไฟในช่วงเดือนกุมภาฯ มาเกือบทั้งเดือนแล้ว ย่อมหมดแรง อ่อนล้า เมื่อยแข้งเมื่อยขาเป็นธรรมดา ทำให้แรงที่มีอยู่หายไปเยอะ และจากนั้นเป็นต้นมา ก็เกิดไฟป่าขึ้นเกือบทุกวัน แล้วเราก็ออกตามดับทุกวัน จนลากยาวมาถึงเกือบวันที่ 10 พฤษภาคม (โหดไหมล่ะ ปีที่แล้ว ฝนยังลงช่วยเป็นช่วงๆ ถี่ๆ แต่ปีนี้ ในช่วงไฟมีแค่ 2 ห่าที่ตกมา) ยิ่งช่วงเดือนหลังๆ แรงที่มีแทบจะหมดความอ่อนล้า ความปวดเมื่อยถาโถมเข้ามา แต่ก็ออกไปดับไฟด้วยใจที่มุ่งมั่นปกป้องพื้นที่ป่าล้วนๆ แม้บางวันร่างกายแทบไม่อยากขยับ เขาถึงบอกว่า #ใช้ใจบันดาลแรง
“ปีนี้ (2567) แม้ว่าสถานการณ์ไฟป่าจะรุนแรงมาก แต่เจ้าหน้าที่ของเราทุกนาย รวมถึงพี่น้องชาวบ้านต่างร่วมแรงร่วมใจกัน ควบคุมและรีบดับไฟให้สงบก่อนที่จะลุกลามเป็นบริเวณกว้าง (แม้ว่าบางจุดจะไม่สามารถควบคุมได้จนลุกลามข้ามจังหวัดหรือลุกลามเป็นบริเวณกว้างแต่ก็ค่อยๆตามเก็บจนเสร็จ) จากการร่วมแรงร่วมใจของเจ้าหน้าที่และพี่น้องชาวบ้านตามจุดเฝ้าระวังไฟป่านี้ ทำให้ปีนี้จุดความร้อนหรือ Hotspot ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ลดลงมากเกินกว่าครึ่ง หรือลดลงเกินกว่า 50 % ตามที่หน่วยเหนือได้ตั้งเป้าหมายไว้ให้ ปีนี้ เกิดจุดความร้อนทั้งหมด 272 จุด ซึ่งในขณะที่ปี 2566 หรือปีที่แล้ว เกิดจุดความร้อนในพื้นที่มากถึง 554 จุด ไหม้เกือบทั่วพื้นที่อุทยาน (ยกเว้นในเขตตำบลแม่เกิ๋งและแม่พุง วังชิ้น) พื้นที่เผาไหม้ก็ลดลงกว่าเกือบสองหมื่นไร่ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (ปีที่แล้วประมาณ 64,000.- ไร่ ปีนี้ ประมาณ 49,000.- ไร่)” ซึ่งเป้าหมายที่เราวางไว้ในปีนี้คือ ต้องลดลงครึ่งหนึ่ง หรืออย่างน้อย 50 % ของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเป้าหมายที่โหดและท้าทายมากๆ เพราะสภาพพื้นที่เหมือนเดิม คนดับก็คนเดิมๆ แถมยังเจอกับภาวะเอลนีโญ ซึ่งฝนน้อยมากๆ ร้อนและแล้งมากๆ อีกด้วย แต่ทุกนายก็ทำมันจนได้
“ที่กล่าวมานี้ ไม่ได้จะมาอวยเจ้าหน้าที่อุทยานหรือพี่น้องประชาชนที่มาช่วยดับไฟ แต่จะมาประกาศเกียรติคุณและขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกๆนาย ที่ฝ่าฟันดับไฟร่วมกันมา ทั้งพวกแนวหน้าที่ กองหน้าที่ขึ้นดอยลอยห้วยดับไฟกันอย่างไม่ได้หยุดพัก รวมถึงพวกแนวหลังที่คอยสนับสนุนน้ำ อาหาร เสบียง กับข้าวต่างๆ แม้ว่าจะมืดจะค่ำ ก็ขึ้นมาช่วยกันนึ่งข้าว หุงข้าว ทำกับข้าว ส่งข้าวส่งน้ำให้พวกที่ขึ้นดับไฟถึงในพื้นที่ ทุกอย่างสอดประสานกัน ทั้งกองหน้า กองหลัง ทีมหน้าบ้าน ทีมหลังบ้าน ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เจ้าหน้าที่ผู้ชายขึ้นดับไฟ ผู้หญิงทำกับข้าว ส่งเสบียง ตัวเราในฐานะหัวหน้าอุทยานก็คอยตระเวนหาเสบียง ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และอื่นๆ มาเตรียมไว้ให้ ทุกคนต่างร่วมมือร่วมใจกันทำงาน แม้จะมีความไม่เข้าใจกัน ผิดใจกันบ้างในบางครั้ง เพราะทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ซึ่งก็เป็นธรรมดาของมนุษย์เรา”
ท้ายนี้ นอกจากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานทุกนายและชาวบ้านที่มาช่วยทุกๆคนแล้ว ที่ขาดไม่ได้เลย คือ ต้องขอบขอบพระคุณท่าน ผอ.สำนักฯ ท่านเป็นเจ้านายที่รักและห่วงลูกน้อง ท่านจะคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงช่วยวางแผน ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์สามารถนำไปใช้ได้ และเดินทางมาให้กำลังใจอยู่เนืองๆ และที่สำคัญที่สุด คือ ต้องขอกราบขอบพระคุณมิตรรักแฟนเพลง พี่น้องเครือข่ายของอุทยานทุกๆสาย ทุกๆเครือข่าย ทุกๆท่านเป็นอย่างสูง หลักๆ ได้แก่ท่านพระอาจารย์ตะวัน พี่ๆน้องๆเครือข่ายของสมาคมคนแพร่ โดยมีแอดมินหนานกร และแอดมินพิท (แม่ออกเก๊า) ท่านเจ้าคณะอำเภอ ท่านเจ้าสำนักสาขาของวัดพระธรรมกาย ท่านอาวาสวัดวังกวาง พี่เอ พี่ติ๊กและคณะ ทีมศิลปินแพร่เพื่อเมืองแป้ แม่ต้อย เฮียเก้า เจ้อ้อ ร้านคำมีสตูดิโอ พี่เรียม พี่จิ๋มและคณะ ไทยประกันชีวิตลำปาง พี่เก่ง ร้านแบมแบม ร้านปาหนัน คาราบาวแดง พี่จาก รพ.ลอง พี่จากสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองแพร่ ร้านหวานใจยำแซบ ร้านสไมล์หมูกระทะ พี่ไก่ บ้านหลังจวนผู้ว่า พี่โอ สจ.วังชิ้น ร้านครัวนายยอด ตำรวจกล้วย สภ.ลอง พี่นุ้ย พี่ไก่พี่หมี แม่สาย พี่ประสงค์กาดน้ำทอง พี่นภดล เฮียจู หนานแจง ป้าแดง สำนักปฏิบัติธรรมบ่อน้ำพระฤษี คณะศรัทธาวัดใหม่กลาง นำโดยตุ๊ปี่เท็น เป็นต้น และอีกหลายๆท่านที่ร่วมกันช่วยกันมาโดยไม่ได้เอ่ยชื่อเอ่ยนาม (ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ) บางท่านก็ส่งทางไปรษณีย์มาให้ บางท่านก็เอาขึ้นมาให้ที่อุทยาน สิ่งของทุกชิ้นทุกอัน ถึงมือเจ้าหน้าที่หน้างาน ได้กิน ได้ใช้ ได้บริโภค เพื่อประโยชน์ในการทำงานดับไฟหมดครับ เราทุกคนขอขอบพระคุณจากใจจริงๆ และขอขอบคุณคนส่วนใหญ่ที่ไม่จุดไฟเผาป่า
หน.ประวิทย์ กล่าวอีกว่า ทั้งหมดความในใจนี้อาจจะยาวหน่อย แต่กลั่นออกมาจากใจ เพื่ออยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกนาย พี่น้องชาวบ้านทุกคน รวมถึงพี่ๆน้องๆที่คอยสนับสนุนกันมาจนทำให้งานสำเร็จ ไฟมาก แต่เราดับได้เร็ว ความเสียหายน้อย ป่าเสียหายน้อย ฝุ่นควันน้อย ซึ่งมันก็ส่งผลต่อสุขภาพของเราทุกๆคน ขอบคุณครับ ปีหน้า ว่ากันใหม่ เราไม่ได้ละเลยให้เขามาเผาป่า เราทำทั้งลาดตระเวน ดักซุ่ม ตั้งจุดตรวจ แต่ป่าไม่มีรั้วกั้น เขาจะเข้าตรงไหน เราบอกไม่ได้ บางทีเราเทกำลังไปดับไป เขาก็อาจจะเข้ามาตอนที่เราไม่อยู่ ไม่รู้ ไม่เห็นก็ได้ ขอยืนยันว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่เกือบ 98 % ช่วยกันปกป้องป่า มีแค่ไม่กี่คนที่คอยปั่นป่วย สร้างความเสียหาย หากอนาคตเขาจากโลกนี้ไป คงจะดีขึ้น
ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
Discussion about this post