เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 พ.ค.67 ที่วัดบางกร่าง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายประพันธ์ ปั้นฉลวย อายุ 59 ปี ช่างเหล็กเจ้าหน้าที่วัดบางกร่าง ว่าบริเวณใต้ถุนศาลาการเปรียญไม้ที่มีอายุกว่า 50 ปี ซึ่งเป็นศาลาที่ใช้เก็บอุปกรณ์เครื่องมือช่างที่ใช้ทำการซ่อมบำรุงวัด อาทิเช่น เหล็กดัด สว่าน ปั้มลม รวมถึงคอมพิวเตอร์ ได้ถูกคนร้ายก่อเหตุลื้อผ้าสแลนจนขาดเสียหาย มีร่องรอยคล้ายถูกของมีคมกรีด ที่ทางวัดได้ปิดคลุมบริเวณประตู และหน้าต่างเพื่อป้องกันแสงแดด แต่ไม่ได้ทรัพย์สินออกไปเนื่องจากบริเวณประตูรั้วล็อกไว้ และบริเวณหน้าต่างมีเหล็กดัดกั้นปิดอยู่ หลังเกิดเหตุเดินทางเข้าแจ้งความกับร.ต.ท.หญิงพิมพ์นิภา ทองไชย รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางศรีเมือง
นายประพันธ์ กล่าวว่า วันนี้เวลา 08.00 น.ตนได้ขี่จยย.มาทำงานที่วัดตามปกติ ปรากฎว่าพอเดินมาที่ศาลาจุดเกิดเหตุ พบว่าผ้าสแลนสีเขียวที่ตนแขวนปิดกั้นบริเวณรั้วประตูไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้หลุดออกหมดกองอยู่ที่พื้น จึงหยิบมาตรวจสอบดูพบว่ามีร่องรอยคล้ายถูกของมีคมกรีด ถัดมาตนจึงได้ตรวจสอบบริเวณรอบๆก็ปรากฎว่าพบผ้าสแลนสีเขียวที่แขวนอยู่บริเวณหน้าต่างห้องคอมพิวเตอร์ คล้ายถูกของมีคมกรีดมีความยาวประมาณ 40 ซม. และป้ายไวนิลที่แขวนไว้บังแสงแดดได้ถูกถอดออกมาทิ้งบริเวณข้างถังขยะ ถัดไปใกล้เคียงพบไม้ปลายแหลมมีความยาวประมาณ 40 ซม. ตกหล่นอยู่
ตนจึงคิดว่าได้ถูกคนร้ายมาก่อเหตุงัดศาลาเพื่อที่จะเข้าไปเอาของมีค่าอุปกรณ์ช่างที่อยู่ด้านในแน่ นอน จึงนำเรื่องไปรายงานให้ทางพระครูวิมลชยาภรณ์ เจ้าคณะตำบลบางกร่าง เจ้าอาวาสวัดบางกร่าง ก็ได้มอบหมายให้ตนไปแจ้งความที่สภ.บางศรีเมือง ซึ่งครั้งนี้ถือว่าโชคดีเนื่องจากบริเวณหน้าต่างวัดที่ถูกกรีดมีเหล็กดัดปิดกั้นไว้อยู่ ทำให้คนร้ายไม่สามารถได้ทรัพย์สินมีค่าออกไป หากคนร้ายเข้ามาได้ตนไม่อยากจะคิดภาพเนื่องจากในศาลามีของมีค่าหลายอย่าง เหล็ก ไม้ ปั้มน้ำ อุปกรณ์ทุกอย่างที่นำมาเก็บไว้เพื่อทำการซ่อมบำรุงวัด หรือมีงานเทศกาลต่างๆ มูลค่ารวมๆประมาณ 1 แสนบาท แต่ผ้าสแลนก็ได้รับความเสียหายตั้งซื้อใหม่เป็นม้วนใหญ่ราคาประมาณ 2,000 บาท
นายประพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ทางวัดก็ยังหวาดระแวง เนื่องจากทางวัดเคยถูกคนร้ายก่อเหตุทุบตู้บริจาค และขโมยพระพุทธรูป จำนวน 5 รูป ที่ศาลาพระสามสมัย เมื่อวันที่ 23 ก.ย.66 ปีที่แล้ว มีการออกข่าวไปแล้วหลายช่อง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 แสนบาท ซึ่งตอนนี้ตั้งแต่เกิดเหตุทางวัดได้ทำการปิดศาลาดังกล่าวตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงตอนนี้ เนื่องจากกลัวคนร้ายเข้ามาก่อเหตุซ้ำ แต่เรื่องนี้ส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่ใช่คน ร้ายคนเดียวกันที่เคยก่อเหตุ เพราะว่าศาลาการ เปรียญไม้ ส่วนมากจะไม่มีใครรู้ว่าเป็นที่เก็บอุปกรณ์เครื่องมือช่าง เพราะตนได้ทำการนำสแลนมาปิดไว้ไม่สามารถมองเข้าไปเห็นได้ ไม่เหมือนกับศาลาพระสามสมัยที่ถูกขาจรไม่ใช่คนพื้นที่ก่อเหตุขโมยไปเพราะว่าสามารถมองเห็นจากด้านนอกว่ามีพระประธานจำนวนหลายองค์วางให้ประชาชนบูชาอยู่
สุดท้ายนี้จึงขอความกรุณาจากคุณโจรหรือผู้ก่อเหตุ ว่าอย่ามาก่อเหจุแบบนี้ในวัดเลย มีอะไรขาดเหลือให้เข้ามาคุยกันเพราะท่านเจ้าอาวาสเป็นพระมีเมตตา อย่าขโมยของวัดเพราะวัดก็ไม่ค่อยมีเงิน ของหรืออุปกรณ์ต่างๆนี่ก็นำมาช่วยชาวบ้านที่จะมาทำบุญหรือจัดงานต่างๆ เพราะฉนั้นอย่าทำแบบนี้อีกเลยเพราะมันบาปกรรม.
Discussion about this post