
วันที่ 30 พ.ค.67 เวลา 11.00 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่หมู่ 17 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ จากกรณี นายสงกรานต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. ได้มีผู้หญิงไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง แต่คนแถวนั้นเรียกว่าเจ๊จู ได้บุกเข้ามาเคาะประตูถึงในบ้านเพื่อเรียกตนออกไปเคลียร์เรื่องที่ตนเอาคลิปวิดีโอการจอดรถของทางฝั่งบ้านเจ๊จู ที่จอดขวางหน้าบ้านตน ทำให้ตนไม่ได้รับความสะดวกนานกว่า 4 ปี ไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ค ทำให้ทางเจ๊จูไม่พอใจพาพวก 3-4 คน บุกมาหาเรื่องถึงในบ้าน
ต่อมาสื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเจ๊จู ซึ่งเป็นบ้านของคู่กรณี แต่เนื่องจากเจ๊จูอยู่ไม่อยู่บ้าน มีเพียงลูกสาวและลูกเขยที่เข้ามาพูดคุยกับทางยายตุ้มแม่ของนายสงกรานต์ถึงเหตุ การณ์ดังกล่าว
ด้านนายพีม ซึ่งเป็นลูกเขยของเจ๊จูและเจ้าของรถเก๋งสีขาวที่จอดอยู่หน้าบ้านตามคลิป ชี้แจงว่า ปกติแล้วบ้านตนอยู่ด้านนอกแต่ตนเข้ามาหาแฟนและก็เข้ามาจอดรถแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหากับใครในซอยยิ่งปัญ หาเรื่องที่จอดรถยิ่งไม่มี เพราะทางพ่อและแม่ของนายสงกรานค์เป็นคนอนุญาตให้จอดเอง ตนไม่รู้ว่าทางด้านนายสงกรานต์รู้เรื่องไหมที่แม่เขาเป็นคนอนุญาตให้จอดเอง ซึ่งทุกคนที่อยู่ในซอยอยู่กับแบบญาติพี่น้อง อย่างที่เขาให้ข่าวไปว่ามีเพื่อนของแม่ตนมาจอดนั้น ก็เป็นเพื่อนของแม่นายสงกรานต์นั้นแหละ ปกติทุกคนจะมานั่งกินข้าวหน้าบ้านเจ๊จูกันทุกวันอยู่แล้ว แต่ประเด็นของเรื่องนี้ก็คือการที่นายสงกรานต์เอารูปและคลิปไปโพสลงโซเชี่ยลทำให้เหมือนว่าตนและแม่เป็นผู้กระทำ ซึ่งในวันเกิดเหตุนั้นแม่ตนได้มีการเรียกนายสงกรานต์ออกมาคุยเรื่องที่เขาเอาไปโพส แต่เรียกแล้วเขาไม่ยอมออกมา ทางแม่ของตนจึงเข้าไปเรียกในบ้านซึ่งปกติแล้วแม่ของตนก็เข้าออกบ้านเขาเป็นประจำอยู่แล้ว และตนไม่ทราบว่านายสงกรานต์ไปแจ้งความ หลังจากนี้ก็อยากพูดคุยกับนายสงกรานต์เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาตรงนี้จะได้อยู่ด้วยกันแบบไม่มีปัญหา
ด้านยายตุ้ม กล่าวว่า ลูกชายเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เช้าออกไปทำงานเย็นเข้าบ้าน ตนเป็นแม่ยังไม่ค่อยคุยกันเลย เรื่องที่เขาโพสและไปแจ้งความตนก็ยังไม่รู้จนมีข่าวออกไปเมื่อเช้า ทางด้านลูกเขยเจ๊จูจึงเข้ามาคุยกับตนเพราะเป็นห่วงกลัวว่าตนจะเครียด ปกติแล้วตนและเจ๊จูและคนในซอยก็นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันเกือบทุกวัน ทางลูกเขยเจ๊จูก็นิสัยดี เข้ามาคุยกับตนตลอด ทุกๆ วันก็จะตั้งวงกินข้าวที่หน้าบ้านเจ๊จู ทุกคนสนิทกันเหมือนญาติเหมือนครอบครัวก็เดินเข้าออกบ้านตนได้ปกติ ส่วนเรื่องจอดรถตนเป็นคนอนุญาตให้เขามาจอดเอง แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ถึงกับลำบากเวลาเข้าออก เพราะเวลาจะออกเราไปบอกเขาเขาก็ขยับให้ ก็ไม่รู้ว่าลูกชายคิดอะไรอยู่ถึงทำแบบนี้
ทางด้านนายบอย ผู้อยู่ในเหตุการณ์และเป็นคนดึงเจ๊จูออกมา เล่าว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ ตอนแรกก็นั่งกินข้าวกันอยู่ที่หน้าบ้าน แต่เจ๊จูได้เดินไปหานายสงกรานต์ที่บ้านและได้เรียกนายสงกรานต์ ออกมาเคลียร์ปัญหา ตอนแรกเจ๊จูเดินไปคนเดียว ต่อมาตนก็ได้ยินเสียงโวยวายดังลั่น ดังมาถึงตรงที่กินข้าวกันจึงพากันเดินมาดู มามาถึงก็พบว่าเจ๊จูเข้าไปในบ้านแล้ว ตนเห็นว่าจะทะเลาะกันแล้วจึงเดินเข้าไปดึงเจ๊จูออกมา เพื่อไม่อยากให้เขาทะเลาะกัน ซึ่งไม่ได้เป็นอย่างที่นายสงกรานต์ให้ข้อมูลว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์มารอที่หน้าบ้าน 3-4 คน แต่คนที่มารออยู่หน้าบ้านก็คือเพื่อนบ้านแถวๆนี้ทั้งนั้น ทุกคนก็รู้จักกับยายตุ้มทั้งนั้นสนิทกันที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องที่จอดรถเลย ส่วนนายสงกรานต์นั้นตนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร เพราะปกติแล้วเขาไม่ค่อยคุยกับใครจะเห็นเฉพาะตอนออกไปทำงานและกลับบ้าน ไม่เคยออกมานั่งกินข้าวหรือพูดคุบอะไรกัน.
เบื้องต้นทางร.ต.ท. จักรกฤษณ์ โดรณ รองสว.(สอบสวน)สภ.บางใหญ่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างประสานกับทางคู่กรณีและผู้ร้องเรียนมาตกลงทำความเข้าใจกันที่โรงพักในเร็วๆนี้.
Discussion about this post