.
จากนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและสังคม
.
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.พีระเกียรติ ศิริฤทัยวัฒนา ,ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ สนิทไทย ,ร.ต.ท.สุนทร จันทะแจ่ม รอง สว .กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก พ.ต.ท.พลกฤต ธรรมสาส์น รอง ผกก.สส.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.บำเพ็ญ นามฉวี สว.สส.สน.หัวหมาก
เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ สืบนครบาล ร่วมกับ สืบสวน สน.หัวหมาก ได้จับกุมตัว
นาย นันทวัฒ คุ้มกุมาร อายุ 35 ปี ที่อยู่ 7/169 ซ.152 แขวง ราษฎร์พัฒนา เขต สะพานสูง จังหวัด กรุงเทพมหานคร ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2937/2567 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2567
ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น”
.
จับกุมที่บริเวณภายใน ซ.ลาดพร้าว 136 แยก 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
.
พฤติการณ์ ผู้เสียหายแจ้งว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 67 เวลาประมาณ 14.00 น.-15.00 น. ได้มีชายไม่ทราบชื่อ ใช้โทรศัพท์ โทรติดต่อมาขอซื้อนาฬิกายี่ห้อ PATEK PHILIPPE รุ่น 5165 A -001 สีเงินสายยางสีดำ จึงได้ตกลงซื้อ-ขาย กันในราคา 2,400,000 บาท ต่อมาวันที่ 14 พ.ค. 67 เวลา 11.50 น. ผู้เสียหายได้นำนาฬิกาไปส่งที่ร้านที่ขนส่งเอกชน ซอยรามคำแหง 21 ที่เกิดเหตุ โดยระบุชื่อผู้รับคุณ นาราทิพย์ ระหว่างรอผู้ซื้อโอนเงินมาได้มีชายไม่ทราบชื่อสวมเสื้อไรเดอร์ ทราบภายหลังชื่อ นายนันทวัฒ มาแสดงตัวเป็นเจ้าของนาฬิกากับเจ้าของร้านบริษัทขนส่ง และอ้างว่าไม่ต้องการที่จะส่งสินค้าและต้องการสินค้าคืน พนักงานร้านจึงได้ส่งมอบนาฬิกาให้ไปหลังจากนั้นผู้เสียหายได้ไปสอบถามพนักงานร้านพบว่าได้มีคนร้ายไปรับนาฬิกาไปแล้ว
.
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ไปรับนาฬิกาที่บริษัทขนส่งเอกชน โดยได้รับการว่าจ้างจากคนหนึ่ง จากนั้นได้เอานาฬิกาไปขายที่ร้านรับซื้อนาฬิกาชื่อดังแถวเซ็นทรัลลาดพร้าว ในราคา 1,030,000 บาท ผู้ต้องหารับว่าได้รับค่าจ้าง 15,000 บาท และได้โอนเงินจำนวน 1,015,000 บาท ไปให้ผู้ว่าจ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการขยายผลดำเนินคดีถึงตัวการในการฉ้อโกง และคนรับซื้อนาฬิกาต่อไป จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง สน.หัวหมาก ดำเนินการตามกฎหมาย
.
พล.ต.ต.ธีรเดช ได้สั่งการให้ทำการขยายผลถึงตัวผู้รับซื้อต่อในข้อหารับของโจรต่อไป โดยเตือนประชาชนว่าการจะซื้อขายต้องตรวจสอบผู้รับซื้อให้ละเอียด โดยเฉพาะสินค้าที่มีราคาแพง ควรนำไปขายโดยตรงกับคนซื้อ และต้องได้รับเงินก่อน เพราะมิจฉาชีพมักแฝงตัวมาในหลายรูปแบบ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ต้องตรวจสอบให้รอบคอบ และฝากถึงร้านรับส่งสินค้าให้ตรวจสอบบัตรประชาชน ให้ตรงกับบุคคลที่มาติดต่อ ติดตั้งกล้องวงจรปิด เป็นมาตราการสำคัญในการป้องกันและปราบปรามคนร้าย
Discussion about this post