เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 28 มิ.ย.67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พา น.ส.รัตน์ตะวัน นอบไทย อายุ 47 ปี คุณแม่ซึ่งเป็นผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ พงส.บก.ป.ร้องขอความช่วยเหลือคดีที่ถูก น.ส.พัชรินทร์(สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ลูกสาวของตนกับสามีเก่า ซึ่งทำงานตำแหน่งเสมียนประจำร้านค้าวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่งย่านคลองสามวา ของผู้เสียหายกับสามีคนปัจจุบัน ได้ใช้กลอุบายฉ้อโกง ทรัพย์เป็นเงินจำนวนเกือบ 9 ล้านบาท แจ้งความ สน.หนองจอก เมื่อ 30 พ.ค.ผ่านมา 1 เดือนคดีไม่คืบหน้า
น.ส.รัตน์ตะวัน แม่และเป็นผู้เสียหายเล่าวว่า เมื่อปี 64 ลูกสาวเดินมาบอกว่าจะขอให้แม่เปิดหน้าร้านขายวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับก่อสร้าง ตนซึ่งเป็นแม่พอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดีที่ลูกจะมีธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเองประกอบกับลูกเคยทํางานเป็นเสมียนก่อสร้างมาก่อนและตนก็ทํางานเกี่ยวกับด้านนี้จึงตัดสินใจลงทุนเปิดหน้าร้านให้กับลูกสาว โดยในช่วงแรกไม่มีปัญหาอะไร แม่สามารถเข้าดูเงินเข้า-ออก จากบัญชีของบริษัทได้ กระทั่งมาในปี 65 เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของลูก เนื่องจากมีการเปลี่ยนบัญชีโอนเงินเป็นชื่อผู้ชายไม่ใช่ในนามบริษัท โดยเขาอ้างว่าบัญชีบริษัทที่เคยโอนเขาเปลี่ยนบัญชี ตนจึงไม่ติดใจแล้วโอนตามที่ลูกบอกมาโดยตลอด หลังจากนั้นพบว่าไม่สามารถเข้าไปดูบัญชีของบริษัทได้ จึงสอบถามลูก ซึ่งเขาเหมือนจ้างให้หน้าม้ามาบอกว่าแอปฯบัญชีธนาคารของตนมีปัญหา จนมาวันสุดท้าย 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ตนบอกกับลูกว่าแม่ไม่มีเงินแล้ว หลังจากนั้นในช่วงเย็นก็ไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้อีก จึงไปหาสามีลูกที่บ้าน เขาบอกว่าเลิกกับลูกของตนมาปีกว่าแล้ว จึงทําให้รู้ว่าถูกลูกสาวหลอกสูญเงินรวมกว่า 6 ล้านบาท
ด้านน้องสาวของผู้เสียหายมีศักดิ์เป็นน้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมาหลานสาวได้โทรมาหาตนบอกจะขอมอบตัวกับตํารวจ เนื่องจากทราบว่าแม่ไปแจ้งความดําเนินคดีเอาไว้ ซึ่งตนได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตํารวจ แต่ตํารวจอ้างว่าไม่ว่างจึงยังไม่มีการดําเนินการใดๆ กระทั่งวันนี้ได้โทรหาอีกครั้งหลานสาวบอกจะเดินทางมาพูดคุยเพื่อขอเจรจากับแม่
ขณะที่ผู้เสียหาย กล่าวฝากถึงลูกสาวทั้งนํ้าตาว่า ที่ผ่านมาตนทํางานหนักก็เพื่อหาเงินมาให้ลูก และตั้งแต่เปิดหน้าร้านให้ก็ไม่เคยผลประโยชน์ใดๆ รู้เพียงที่ลูกบอกว่าได้กําไรเล็กน้อย ซึ่งตนก็ไว้ใจเพราะคําว่าลูก แต่ทําไมลูกถึงทํากับแม่แบบนี้
ทนายเจส นายณัฐปกรณ์ สุดชา กล่าวเพิ่มเติมว่าเบื้องต้นคดีนี้ทางผู้เสียหายได้แจ้งความดําเนินคดี ในข้อหา “ฉ้อโกง” แต่หากผู้ก่อเหตุเข้ามาเจรจาและทั้งคู่สามารถตกลงได้ก็สามารถถอนแจ้งความได้ อย่างไรก็ตามหากวันนี้ผู้ก่อเหตุไม่มาตามที่บอกก็คงต้องดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้น ร.ต.อ.ชวรินทร์ เหล่าสท้าน รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป.รับเรื่องตรวจสอบแล้วประสานไปทาง สน.หนอกจอก ให้เร่งติดตามลูกสาวตัวแสบรานนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว
///////
Discussion about this post