หรอยจ้าน ข้าวต้มมัดสูตรโบราณ 70 ปีโรงเหนียวยายศรี ของดีเมืองนครศรีธรรมราช

ผุ้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานพังงา นำคณะสื่อมวลชนจากจังหวัดพังงาเดินทางไปท่องเที่ยวข้ามฝั่งจากภาคใต้ฝั่งตะวันตกไปยังภาคใต้ฝั่งตะวันออก ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช นำเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อการทำประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากไปไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังของจังหวัดนครศรีธรรมราชหลายแห่งมาแล้ว ได้มาที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรชื่อดังอีกแห่งหนึ่งนั่นคือ “โรงเหนียวยายศรี”เจ้าของตำนานเหนียวห่อกล้วย หรือข้าวต้มมัด ชื่อดังที่สืบทอดกันมากว่า70ปี ตั้งอยู่ที่ ตำบลปากพูน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยความอร่อยจ้าน(จ้าน-มากมาย)ทำให้กลายเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างชื่อให้กับชุมชนแห่งนี้ และเป็นสถานที่ศึกษาดูงานด้านการทำอาหารและขนมพื้นถิ่น
คุณยายบุญศรี นางนวล เล่าว่า สูตรลับความอร่อยของเหนียวห่อกล้วยสูตรยายศรีมีที่มาจากคุณแม่ของตัวเอง ซึ่งในวัยเด็กคุณยายศรีต้องช่วยคุณแม่ทำเหนียวห่อกล้วยขาย โดยขายในราคา 25 สตางค์ในสมัยนั้น และ ในช่วงเวลาก่อนเกิดโควิดเพียงเล็กน้อย เพื่อนของหลานสาวคุณยายศรีที่เคยได้ลิ้มลองเหนียวห่อกล้วยของยายศรีมาแล้ว ได้ติดต่อมาเพื่อขอให้ยายศรีทำเหนียวห่อกล้วยส่งมาให้ที่กรุงเทพ เพราะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่มีโอกาสได้ทาน จากนั้นได้ขอให้ยายศรีทำเพิ่มแล้วหาวิธีส่งมายังกรุงเทพเพื่อนำมาช่วยขายสร้างรายได้ จากจุดเริ่มต้นเพียง 3 กิโลกรัมคุณยายศรีต้องส่งเพิ่มเป็น 10 กิโลกรัม โดยคุณยายศรีต้องเกณฑ์พี่น้องและเพื่อน ๆ ให้มาช่วยกันทำเหนียวห่อกล้วยในครั้งนั้น ต่อมาเมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 เหนียวห่อกล้วยของยายศรีเป็นสินค้าหนึ่งที่ได้รับผลกระทบในด้านบวก จากการที่คนทั่วไปไม่ค่อยออกจากบ้านและเริ่มสั่งสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้เหนียวห่อกล้วยของยายศรีมีโอกาสถูกส่งไปจำหน่ายทั่วประเทศรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ในช่องทางออนไลน์โดยมีหลานสาวเป็นคนช่วยในเรื่องการขายนี้ โดยในบางวัน ยายศรีต้องทำเหนียวห่อกล้วยถึง 100-120 กิโลกรัมจึงจะพอจำหน่ายเลยทีเดียว และได้พัฒนาจากใส้กล้วยแบบโบราณ เพิ่มเป็นใส่ต่างๆอีกหลายชนิดรวมถึงขนมไทยอย่างอื่น โดยจะจำหน่ายในราคามัดละ20 บาท “สำหรับความอร่อยของเหนียวห่อกล้วยยายศรีนั้นเราใช้ข้าวเหนียวอย่างดี ใช้กล้วยน้ำว้าปลอดสารพิษจากแหล่งผลิตในพื้นที่ กะทิก็คั้นกันแบบสดๆ และที่สำคัญเราได้ใส่ใจเข้าไปในขนมของเราด้วย”