
ด้วยเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 รพ.น่าน รับผู้ป่วยเพศชาย อายุ 65 ปี มีอาการ แน่นท้อง ร้าวขึ้นอก มีถ่ายเหลวเป็นน้ำ เข้ารับการรักษา จากการสอบสวนโรค ทราบว่าประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนป่วย มีประวัติรับประทานลาบหมูดิบ จากนั้นมีอาการไม่สบาย วันที่ 26 ตุลาคม 2567 ไปรับการตรวจรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่ง อาการไม่ทุเลา จึงมาตรวจรักษาที่รพ. จากนั้นผู้ป่วยมีอาการรุนแรงขึ้น ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus Suis ซึ่งเป็นสาเหตุของ “โรคไข้หูดับ” ได้รักษาตัวที่หอผู้ป่วยหนัก (ICU.) และเสียชีวิตในเวลาต่อมา (วันที่ 9 ตุลาคม 2567 )
รพ.น่าน ห่วงใยในสุขภาพของพี่น้องประชาชน จากกรณีดังกล่าวจึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus Suis ซึ่งเป็นสาเหตุของ “โรคไข้หูดับ” ซึ่งพบอยู่ในทางเดินหายใจ และในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อสู่คนได้จากการสัมผัสโดยตรงกับหมูที่ ติดเชื้อ ทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค ผ่านทางบาดแผล รอยถลอก เยื่อบุตา และการรับประทานเนื้อหมู หรือเลือดของหมูที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ อาการของโรค มักมีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปวดตามข้อ มีจ้ำเลือดตามตัวและตามผิวหนัง ซึม คอแข็ง ชัก เชื้อสามารถลุกลามไปยังบริเวณปลายประสาทรับเสียง และปลายประสาททรงตัว เมื่อเชื้อเข้าสู่เยื่อหุ้มสมอง ทําให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และการติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ซึ่งสามารถทำให้เกิดการสูญเสียทางการได้ยิน จนถึงหูหนวกถาวร หรือเสียชีวิตการป้องกัน “โรคไข้หูดับ” มีวิธีและแนวทางในการป้องกัน ดังนี้
1.ปรุงเนื้อหมูให้สุกทั่วถึง หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อหมู และผลิตภัณฑ์จากหมูที่ดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ลาบ หลู้ หมูหมักดิบ ก้อยหมู
2.แยกอุปกรณ์ที่ใช้รับประทานอาหาร เช่น ตะเกียบ ช้อนส้อม ที่ใช้กับหมูไม่สุกและหมูสุก
3.เลือกบริโภคเนื้อหมูที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน ปลอดจากเชื้อโรค
4.ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ ก่อนและหลังสัมผัสเนื้อหมู
5.หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหมูที่ป่วยหรือตาย หากจำเป็นต้องสัมผัส ควรสวมถุงมือและหน้ากากอนามัย
6.เลิกกินอาหารที่ทำจากหมูที่ดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป
@@@@@@@@@@
ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น จ.น่าน
Discussion about this post