ที่ห้อง CA 303 อาคารรัฐสภา “ดร.นิยม เวชกามา” อดีต สส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย ในฐานะอนุกรรมาธิการศาสนาได้เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการศาสนา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 มีการประชุมคณะกรรมาธิการศาสนา โดยมี “นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์” สส.ศรีสะเกษ เขต 6 พรรคเพื่อไทย เป็นประธานที่ประชุม ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการศาสนา ซึ่งมีวาระที่สำคัญ คือการขอตั้งวัดถ้ำพลวง ท้องที่บ้านถ้ำติ้ว หมู่ 2 ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ซึ่ง “นายเกษม อุประ” สส.สกลนคร เขต 7 (เขตอำเภอบ้านม่วง) พรรคเพื่อไทย ได้นำเรื่องร้องเรียนเข้าสู่คณะกรรมาธิการ เนื่องจากการขอตั้งวัดถ้ำพลวงได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลาเกือบ 20 ปีเพราะไปติดขัดในเรื่องข้อกฎหมายพื้นที่ป่าเนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงพนาและป่าดงพระเจ้า เพื่อสร้างวัดถ้ำพลวง ท้องที่อำเภอส่องดาวดังกล่าว
โดยการประชุมคณะกรรมาธิการ ได้มีผู้แทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสกลนคร ผู้แทนกรมป่าไม้ มาพูดคุยหารือจนเป็นที่ตกลงว่าให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทำหนังสืออีกครั้งหนึ่งถึงกรมป่าไม้ เพราะก่อนหน้าหน้านั้น กรมป่าไม้ได้มีหนังสือที่ ทส 1602.44 / 395-397 ลงวันที่ 11 มกราคม 2567 ถึงจังหวัดสกลนคร สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 นครพนม และ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมได้แนบหลักฐานการผ่อนผันการการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ต่อคณะรัฐมนตรีไปแล้วและคณะรัฐมนตรีอยู่ระหว่างการอนุญาตจึงต้องทำหนังสือยืนยันอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นจังหวัดสกลนครได้มีหนังสือที่สน. 0014.3 / 1911 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ส่งผลการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและแจ้งว่าได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานกับสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 ใช้พื้นที่ลุ่มน้ำที่ 1 เอ ต่อคณะรัฐมนตรีนั้นสำนักสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการหาหลักฐานดังกล่าวในเรื่องตั้งวัดถ้ำพลวงนี้ ด้าน สส.เกษม อุประ ได้แถลงในที่ประชุมว่ากรมป่าไม้ ได้มีการนำเข้า ครม.ไปแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ก็ยอมรับในประเด็นนี้เพียงแต่ให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีหนังสือยืนยันไม่ต้องนำเข้า ครม.อีก และจะได้มีการอนุมัติเป็นการเฉพาะราย
ทั้งนี้ วัดถ้ำพลวงได้มีการสืบต่อกันมาเป็นที่ปฏิบัติธรรมตั้งแต่สมัยพระอาจารย์มั่น พระอาจารย์ฝั้น และมีการสร้างเป็นวัดอย่างจริงจังในสมัยพระอาจารย์วัน อุตตโม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จไปเสวนาธรรมกับพระอาจารย์วัน อุตตโม ถึง 2 ครั้ง วัดถ้ำพลวงแห่งนี้ได้มีการสร้างสังเวชนียสถานสี่ตำบลจำลองจากประเทศอินเดีย คือสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และ สถานที่ปรินิพพาน และเคยมีการจัดวันวิสาขบูชาของจังหวัดสกลนครที่ยิ่งใหญ่มีชาวพุทธมาร่วมพิธีประมาณ 10,000 คน ในยุค นายปานชัย บวรรัตนปราณ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร แต่วัดถ้ำพลวงก็ยังไม่สามารถตั้งเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ สืบเนื่องจากมีปัญหาข้อกฎหมายพื้นที่ขออนุญาตอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงพนา ป่าดงพระเจ้า มีลักษณะเป็นภูมิประเทศที่ราบสูงสภาพดินหินปนทรายเป็นเชิงเขาและภูเขามีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 600 เมตรอยู่ในชั้นกำหนดคุณภาพลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนอื่นๆคุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 เอ ตามมติ ครม.วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2538 และอยู่ในจำแนกการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้เขตป่าเพื่อการอนุรักษ์โซน 4 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 และ 17 มีนาคม 2535
ขณะที่ ดร.นิยม เวชกามา กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะทำหนังสือยืนยันในการเข้าใช้พื้นที่ในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ถึงกรมป่าไม้และในที่ประชุมเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ตัวแทนกรมป่าไม้ก็จะทำหนังสือด่วนถึงอธิบดีเพื่ออนุมัติตามที่ขอมาไม่ต้องนำเข้า คณะรัฐมนตรีอีกเพราะได้มีการอนุมัติเป็นการเฉพาะรายไปแล้ว ปัจจุบันหลวงปู่หลอ นาถกโร หรือราชทินนามโปรดเกล้าฯเป็นพระราชวชิรโสภณ ที่ผ่านไม่นานมานี้เป็นเจ้าอาวาส อายุ 82 ปี 62 พรรษา
วัฒนะ แก้วก่า/สกลนคร 0819541528
Discussion about this post