
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ที่วัดศรีสุวรรณ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พระเทพปริยัติโสภณ(ปัญญา วิสุทธิปญฺโญ ป.ธ.๙,ดร.) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม พระอารามหลวง (วัดใต้) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เนื่องในพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระครูกาญจนสุทธิคุณ (หลวงพ่อโจละ เขมจาโร) อายุ ๙๑ พรรษา ๖๓ อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลไล่โว่ และอดีตเจ้าอาวาสวัดศรีสุวรรณ ณ วัดศรีสุวรรณ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี ซึ่งได้มรณภาพด้วยโรคชราภาพ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ณ โรงพยาบาลสังขละบุรี
ขณะที่พระมหาสุชาติ สิริปัญโญ เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เจ้าอาวาสวัดปรงกาสี พระสงฆ์จากในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
โดยมีนายสุริยะศักดิ์ เหมือนอ่วม นายอำเภอสังขละบุรี เป็นประธานในพิธี และเป็นประกอบพิธีอัญเชิญน้ำหลวงสรงศพ ซึ่งพิธีในวันนี้มีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ที่เลื่อมใสศรัทธาในวัตรปฎิบัติของพระครูกาญจนสุทธิคุณ(หลวงพ่อโจ่ละ เขมจาโร) ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
พระครูกาญจนสุทธิคุณ (หลวงพ่อโจ่ละ เขมจาโร) เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 13 กันยายน 2476 ที่บ้านนิเถะหรือนี่ไถ่ หมู่ที่1 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี บิดาชื่อนายซองย่า มารดาชื่อนางบ่อง บิดาท่านมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเกริงกระเวีย ส่วนมารดาเป็นชาวบ้านนิเถะ(นี่ไถ่) ประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา ส่วนคุณตาท่านนั้นพื้นเพเดิมเป็นคนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ยายท่านเป็นคนนิเถะ(นี่ไถ่)
พระครูกาญจนสุทธิคุณ มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน เป็นผู้ชาย3 คน ผู้หญิง1 คน โดยท่านเป็นบุตรคนที่3 (พี่น้องท่านได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว) ในวัยเด็กท่ายได้ช่วยเหลือพ่อแม่ทำไร่ ทำนา และเลี้ยงวัวเลี้ยงความตามประสาเด็กบ้านนอก เมื่อท่านอายุได้ 15 ปี บิดา มารดา ท่านได้เสียชีวิตลง จึงได้มาอาศัยอยู่กับคุณอามะเย็ง และได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่บ้านนิเถะหรือนี่ไถ่ โดยมีหลวงพ่อละทุงเป็นผู้บวชให้ บวชเป็นสามเณรได้1พรรษาจึงได้ลาสิกขาออกมาช่วยคุณอามะเย็งประกอบอาชีพ
ในวัยเด็ก เด็กชายโจ่ละ ได้รับการศึกษาการอ่าน การเขียนภาษาไทยจากคุณตา (นายแก้ว)เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียน ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง คือเรียนกับคนในครอบครัวหรือกับพระภิกษุที่วัด นอกจากนั้นเด็กชายโจ่ละ ยังได้ศึกษาภาษากะเหรี่ยงและภาษามอญ จากพ่อและแม่จนสามารถอ่านและเขียนภาษากะเหรี่ยงและภาษามอญได้
ขณะเดียวกันในช่วงที่ได้บรรพชาเป็นสามเณร ท่านได้ศึกษาภาษาบาลีสันตกฤษ จากหลวงพ่อละทุงมี่วัดนิเถะหรือนี่ไถ่ นี่เอง
เมื่ออายุย่าง16 ปี ด้วยความใฝ่รู้ท่านจึงได้ขออนุญาตคุณตา คุณยาย เดินทางไปทำงานในเมือง เพื่อต้องการเรียนรู้โลกภายนอก และหาประสบการณ์ให้กับชีวิตตนเอง เนื่องจากตระหนักดีว่าบางสิ่งบางอย่างต้องเรียนรู้ และลงมือทำด้วยตนเองเพื่อจะได้มีประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตในภายภาคหน้า เช่นการออกเดินทางไปทำงานในเมือง จะได้มีโอกาสพบปะผู้คนมาหน้าหลายตา รวมทั้งได้ไปใช้ชีวิตในสถานที่ใหม่ ทำให้ต้องเรียนรู้ในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและผู้คนที่คุ้นเคย ซึ่งท่านก็สามารถเรียนรู้ และปรับตัว จนสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมเมืองได้เป็นอย่างดี
จากการออกไปหาประสบการณ์ให้ตนเองในครั้งนี้ ส่งผลให้นายโจ่ละได้เรียนรู้วิชาการต่างๆ อาทิ ความรู้ในวิชาช่างไม้ ช่างซ่อมวิทยุ และอื่นๆ (เท่าที่ผู้เขียนได้มีโอกาสประสบเจอ ท่านสามารถซ่อมวิทยุได้ ด้านงานช่างไม้นั้น ท่านก็สามารถนำความรู้มาใช้ในการก่อสร้าง ซ่อมแซม วัดวาอารามได้เป็นอย่างดี) จากประสบการณ์ในครั้งนั้นมีผลทำให้ท่านมีจิตใจที่เข้มแข็ง กล้าตัดสินใจ และมีความเป็นผู้นำสูง
หลังจากออกไปหาประสบการณ์ชีวิตในเมืองได้ 3-4 ปี ท่านก็ได้เดินทางกลับมาอยู่ที่บ้านนิเถะ(นี่ไถ่) กลับมาช่วยคุณอา คุณตาคุณยายประกอบอาชีพ จนกระทั่งอายุได้ 24 ปี (พ.ศ.2500) จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดนิเถะ(นี่ไถ่) หมู่ที่ 1 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีนายสุเทพ สาลี อดีตผู้ใหญ่บ้านหนองโป่งโด่ง ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้อุปถัมภ์ และเป็นเจ้าภาพในการบวช
โดยมีหลวงพ่ออุตตมะ เป็นพระอุปัชฌา เมื่อท่านได้บวชเป็นพระภิกษุ ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนิเถะ(นี่ไถ่) 1พรรษา จากนั้นจึงได้ออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อแสวงหาความรู้ ปฎิบัติธรรมตามคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อมาได้ไปจำพรรษาที่วัดหัวโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นเวลา 2 พรรษา ในเวลาต่อมาได้มาศึกษาธรรมที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม(วัดใต้) อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี อีก1พรรษา
หลังจากนั้นท่านได้เดินทางกลับมาอยู่ที่วัดนิเถะ(นี่ไถ่) หมู่ที่ 1 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จนถึงปัจจุบัน
สมณศักดิ์ที่ได้รับการแต่งตั้ง
พ.ศ.25026 รักษาการเจ้าอาวาสวัดนิเถะ(นี่ไถ่) หมู่ที่ 1 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหัดกาญจนบุรี
วันที่ 1 กันยายน 2512 ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี ดำรงตำแหน่งพระใบฎีกา ฉายาพระอุดร เขมจาโร อายุได้ 28 พรรษา (พรรษาที่ 8)
วันที่17 มกราคา 2514 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสุวรรณ คือพระใบฎีกาอุดร ฉายาเขมจาโร อายุ 31 พรรษา(พรรษาที่10) วิทยฐานะนักธรรมตรี
วันที่ 23 มีนาคม 2520 ได้รับการแต่ตั้งให้เป็นพระคู่สวด โดยเจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้แต่งตั้ง วันที่ 26 มีนาคม – ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีให้เป็นพระอุดร เขมจาโร อายุ 40 พรรษา(พรรษาที่17)เป็นฐานานุกรมในตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์อุดร เขมจาโร
วันที่ 5 ธันวาคม 2521 ได้รับการแต่งตั้งพระครูใบฎีกาอุดร เจ้าอาวาสวัดศรีสุวรรณ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพระครูกาญจนสุทธิคุณ วันที่ 26 มิถุนายน 2528 ได้รับการแต่งตั้งพระครูกาญจนสุทธิคุณ ฉายา เขมจาโร อายุ 50 พรรษา(พรรษาที่ 24) เจ้าอาวาสวัดศรีสุวรรณ ให้เป็นเจ้าคณะตำบลไล่โว่ วิทยฐานะ นักธรรมเอก
วันที่ 5 ธันวาคม 2535 ได้รับการแต่งตั้งจากมหาเถรสมาคม เป็นพระครูสัญญาบัตร ได้เลื่อนชั้น พระสังฆาธิการ ตำแหน่งเจ้าคณะตำบล ชั้นตรี เป็น ชั้นโท
ผลงานที่ทำมา
1.สร้างศาลาการเปรียญในเขตพื้นที่ตำบลหนองลู และตำบลไล่โว่ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
2.สร้างและซ่อมแซมปฎิสังขรณ์ วัด เจดีย์ เมรุ และศาลาสวดพระอภิธรรม ตลอดทั้งกุฎิแม่ชี
3.สร้างวัดจนได้รับเป็นพระพัฒนาของชาวอำเภอสังขละบุรี
4.สนับสนุนในการฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่น และอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น
5.สร้างศาลาพิพิธภัณฑ์เพื่อเก็บรวบรวมของเก่า ไว้ให้ชนรุ่นหลงได้ศึกษา
พระครูกาญจนสุทธิคุณ (หลวงพ่อโจ่ละ) เจ้าอาวาสวัดศรีสุวรรณ นับเป็นพระพัฒนารูปหนึ่งของชาวอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาท่านได้สร้าง บูรณะซ่อมแซม ปฎิสังขรณ์วัดวาอาราม เจดีย์ และอื่นๆมากมายโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ตั้งแต่ท่านยังไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสุวรรณ จนได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ด้วยอุปนิสัยไม่ถือตัวส่งผลให้ท่านเป็นเคารพเลื่อมใสของชาวอำเภอสังขละบุรี
………………………………………..
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์
Discussion about this post