นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ทวงถามเจ้าอาวาสวัดสามชุก ผู้ปกครองพระครูปลัดธีระ (พระปีนเสา) ตั้งคณะกรรมการมมติอย่างไรกับการตัดสินความผิด ตั้งข้อสังเกตุเมื่อพบพฤติกรรมผิดปกติต่อเนื่อง เจ้าตัวไม่อยู่วัดต้องเร่งดำเนินการหากเพิกเฉยญาติโยมอาจแจ้งฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่
วันนี้ 11 พฤศจิกายน 67 จากกรณีต่อเนื่องที่สังคมกำลังจับตาพฤติกรรมของ พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตฺตธมฺโม (เสาวภาคย์โชติรส) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “พระครูปลัดธีระ” หรือ “พระปีนเสา” สังกัดวัดสามชุก จ.สุพรรณบุรี มีการแยกออกมาจากวัดต้นสังกัดและมาพำนักที่สถานปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ต.ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ก่อนถูกแจ้งให้กลับวัดซึ่งยังมีพฤติกรรมที่สังคมในหลายมุมมองว่าไม่เหมาะสมเพราะมีการรวมมวลชนบุกไปที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 การไปออกรายการโหนกระแส และมีการไลฟ์ผ่านโซเชียล Tiktok และมีการถกเถียงกับญาติโยมบ่อยครั้ง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 67 ที่ผ่านมาโลกโซเชียลและสื่อหลักได้มีการเผยแพร่คลิบพระภิกษุที่หน้าคล้ายกับพระครูปลัดธีระ ซึ่งได้มีการบิณฑบาต และนำสิ่งที่ได้รับกลับขึ้นมาที่รถยนต์เก๋ง จากนั้นได้มีการแชร์ในโลกโซเชียลเป็นคลิบพระภิกษุหน้าคล้ายพระปลัดธีระ ขึ้นรถยนต์เก๋งอีกคันหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะต่างวันเวลากันมาเพิ่มขึ้น ซึ่งทางพระครูปลัดธีระ ได้มีการอัดคลิบลงโซเชียลแสดงความไม่พอใจ เพจอีซ้อขยี้ข่าวและ ช่อง3 ที่มีการนำคลิบไปนำเสนอและยังมีการกล่าวถึงรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อีกครั้ง
โดยเรื่องดังกล่าว นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร หรือทนายพจน์ ในฐานะนายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ว่า เรื่องของพระครูปลัดธีระซึ่งมีพฤติกรรมแปลกๆมายาวนานหลายปี ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการดำเนินการจัดการจากคณะสงฆ์ กระทั่งหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม พระวินยาธิการ เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี ได้นำหนังสือจากเจ้าอาวาสวัดสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ไปแจ้งให้ทราบว่าให้เดินทางกลับไปอยู่ที่วัดต้นสังกัด หลังจากมีการมาอำนาจอยู่ในสำนักปฎิบัติธรรมพุทธยันตรี 2600 ปี ในพื้นที่อำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐม ทราบว่าตัวท่านเองก็กลับไปรายงานตัวแต่สักพักก็มาอยู่ที่วัดอีกแล้ว และต่อมาได้มีหนังสือห้ามเดินทางมาที่สำนัก ปฎิบัติธรรมดังกล่าว ซึ่งท่านก็ยังไม่มาแต่ปรากฏว่าท่านก็ไปใช้สื่อโซเชียลในการไลฟ์สดอีกทุกคืน และมีการทะเลาะกับชาวบ้านชาวช่องไปทั่วซึ่งไม่เหมาะสม ซึ่งก็มีพฤติกรรมในการไปออกรายการโทรทัศน์รายการต่างๆแล้วก็มาเป็นลูกไล่ให้กับพิธีกรแล้วก็แขกผู้ร่วมรายการ จนคนจะเรียกท่านว่าเป็นพระปีนเสา จะเรียกว่าเป็นพระปลัดขิก มีชาวบ้านชาวช่องหัวเราะกันทั้งเมืองเมื่อตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวตอบไปว่า แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงนั่นคือประชาชนไม่ได้มองว่านั่นคือพระปลัดธีระ แต่จะมองภาพรวมว่าเป็นพระสงฆ์ไทยไปแล้ว ภาพลักษณ์ของพระสงฆ์เสียหายไปแล้ว ซึ่งตรงนี้อยากจะให้ทางท่านเจ้าอาวาสวัดสามชุก พระสังฆธิการที่ปกครองก็ดี ขอให้มีการควบคุมดูแลให้ดี ตอนนี้ทราบว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่ามีการสอบสวนถึงขั้นไหนอย่างไร หรือมีการกำหนดบทลงโทษเป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าความผิดจะยังไม่เห็นชัดเจนทางกฎหมายแต่ทางปกครองของคณะสงฆ์ก็ เข้าข่าย โลกวัชชะ คือชาวโลกติเตียน ในความเป็นจริงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดการเป็น โลกวัชชะ มีมาหลายครั้งทำซ้ำๆ จนพฤติกรรมน่าจะได้ขาดจากการเป็นพระสงฆ์ไปแล้ว เรื่องนี้เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าคณะอำเภอสามชุก เจ้าคณะตำบลสามชุก ต้องเร่งดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายกับพระสงฆ์ทั่วประเทศ
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับกระบวนการสอบสวนและการตัดสินนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าอาวาสวัดสาม เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัดโดยตรง ซ้ำยังทราบมาว่าพระครูปลัดธีระ เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วแต่มีการรอลงอาญา เรื่องที่ให้พักพิงคนต่างด้าว และยังเคยถูกทำทัณฑ์บนในเรื่องการบิณฑบาตไม่เหมาะสม เรื่องนี้เจ้าคณะผู้ปกครองต้องมี บทลงโทษให้พ้นจากการเป็นพระได้แล้ว เพราะมีพฤติกรรมที่ทำซ้ำซากอยู่บ่อยครั้ง และอยากจะฝากไปถึงสื่อมวลชน รายการต่างๆ พิธีกร ว่าไม่ควรนำพระลักษณะอย่างนี้ไปออกในรายการโทรทัศน์หรือออกในสื่อเนื่องจากจะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการสงฆ์
” ส่วนกรณีภาพคลิปที่ปรากฏว่ามีการนำอาหารหรือของที่รับจากการบิณฑบาตเดินไปใส่บนรถหรือแม้แต่จะมีคลิปที่ปรากฏว่ามีการเปิดประตูไปนั่งบนเก้าอี้นั่งของคนขับของรถเก๋งอันนี้ก็ถือว่าไม่ถูกต้องและทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งหากพบว่าไปกระทำในพื้นที่ใดพระวินยาธิการในพื้นที่นั้น ก็ มีอำนาจศาลสั่งการให้มีการสละสมณเพศได้ เพราะทำตัวไม่เหมาะสม คือหากเป็นกรณีที่ทำครั้งแรกให้เรียกตัวมาตักเตือนและทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร แต่หากปฏิบัติอีกก็สามารถสั่งการให้สิกขาไปได้ แต่หากจะมีข้ออ้างจากคณะสงฆ์ผู้ปกครองว่ายังไม่ปรากฏว่าผิดกฎหมายไม่ผิดเพราะวินัย แล้วปล่อยปล่อยปะละเลยไว้แบบนี้ คนที่จะเดือดร้อนเสียเอง ก็คือ ท่านเจ้าอาวาสผู้ปกครอง เพราะพระที่อยู่ในสังกัดและพระที่อยู่ในปกครองท่านทำให้โลกติเตียน วันดีคืนดีอาจจะมีประชาชนที่ไม่พอใจเข้าไปแจ้งกับท่านว่าปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบก็ได้” นายกสมาคมไวยาวัจกร กล่าว
นายศุภภัทร์พจน์ ยังกล่าวเสริมว่า สำหรับการร้องทุกข์กล่าวโทษพระภิกษุสงฆ์ที่ทำตัวไม่เหมาะสมทำตัว ในส่วนของประชาชนหากจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาหาก พบการกระทำผิดกฎหมายก็สามารถทำได้ แต่หากเป็นเรื่องของการกระทำผิดเรื่องของพรบ.คณะสงฆ์ ประชาชน ก็สามารถที่จะประสานงานในการควบคุมตัวนำส่งพระวินยาธิการ ในพื้นที่นั้นนั้นได้ สำหรับกรณีของพระครูปลัดธีระ ท่านเจ้าอาวาสวัดสามชุกท่านก็เป็นคนออกให้สัมภาษณ์เองว่าตั้งแต่มีการขอย้ายเข้ามาในสังกัดก็ไม่เคยอยู่ที่วัดสามชุกเลย ด้วยความเป็นจริงท่านเจ้าอาวาสวัดสามชุกควรจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนไปตั้งนานแล้ว แล้วมีการไปตั้งสถานที่ปฏิบัติธรรมตั้งมูลนิธิอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ฝากปลัดธีระได้มีการแจ้งไปยังเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรีให้ทราบหรือไม่ ดูแล้วทุกเรื่องทุกการกระทำผิดระเบียบไปหมด
ซึ่งถ้าจะเอาอย่างเคร่งครัดก็คือพระอุปัชฌาย์ที่ทำการบวชให้ ในห้าปีแรกจะต้องมีการติดตามสังเกตว่าคนที่ตัวเองบวชให้ไปสังกัดอยู่ที่วัดใดมีการประพฤติปฏิบัติตนเหมาะสมหรือไม่ ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยหรือไม่ ทำความเสียหายให้เกิดขึ้นในวงการศาสนาไหม หลังจากพระที่บวชพ้นห้าปีไปแล้วมีสังกัดอยู่วัดใดเจ้าอาวาสวัดนั้นนั้นจะต้องเป็นผู้ปกครอง คอยดูแลจับตาดูพฤติกรรม หากเครียดกับทางโลกก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาหากไปก่อเหตุกระทำความผิดอะไรแล้วผู้กำกับการก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในพฤติกรรมนั้นนั้นไปด้วย พระทรงเองก็เช่นกันเมื่อไปทำอะไรมิดีมิชอบ เจ้าอาวาสเองก็จะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
ภาพ/ข่าว กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าว จ.นครปฐม
Discussion about this post