
สุรินทร์-วันที่ 29 พ.ย. 67 ที่ห้องประชุมกุญชรศุภศรี ชั้น 9 อาคาร 100 ปี โรงพยาบาลสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ นายวีระชัย ประเสริฐโส รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประธานในพิธี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ประจักษ์ ศรีรพีพัฒน์ หัวหน้าสาขาวิชาประสาทศัลยศาสตร์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยนายแพทย์ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์และแพทย์หญิงผการัตน์ แสงกล้า รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลสุรินทร์ ได้ร่วมกันเปิดงานโครงการโรคน้ำคั่งในโพรงสมองในผู้สูงอายุ สำหรับจังหวัดสุรินทร์
โดยมีสาขาวิชาประสาทศัลยศาสตร์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในนามผู้จัดโครงการโรคน้ำคั่งในโพรงสมองในผู้สูงอายุ ร่วมกับโรงพยาบาลสุรินทร์ จัดขึ้น โดยมีบุคลากรโรงพยาบาล ประชาชน กลุ่มผู้สูงอายุ อสม.ร่วมรับฟังเพื่อนำความรู้ไปกระจายถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด
ที่ผ่านมาพบว่าโรคน้ำคั่งในโพรงสมองในผู้สูงอายุ เป็นโรคที่พบได้มากในผู้สูงอายุ และทวีความสำคัญเป็นอย่างมากในสังคมปัจจุบัน ซึ่งก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว โดยสัดส่วนของผู้สูงอายุในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศภายในปี 2571 หรือภายในอีก 4 ปีข้างหน้า ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 20.7 ของประชากร คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคของกลุ่มนี้ จึงส่งผลถึงความเป็นไปในทางเศรษฐศาสตร์ งบประมาณและดัชนีความสุขของประเทศ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีประสบการณ์ทั้งการวินิจฉัย การผ่าตัดรักษา และการดูแลผู้ป่วยโรคน้ำคั่งในโพรงสมองเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และพบว่าโรคนี้เป็นต้นทางสาเหตุของภาวะทุพพลภาพอีกหลายประการในผู้สูงอายุ อาทิ การเดินทรงตัวผิดปกติ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บศีรษะและสมอง จนถึงขั้นตกเลือดในโพรงกะโหลกศีรษะ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุกระดูกสะโพกหัก ซึ่งพบได้บ่อยมากในผู้สูงอายุ การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ สร้างความรำคาญ เป็นภาระแก่ผู้ป่วยและครอบครัว การสำลักอาหาร ต้นเหตุของโรคปอดติดเชื้อ แม้จนกระทั่งเสียชีวิต การเคลื่อนไหวที่ช้าลง งุ่มง่ามก็ล้วนแต่บั่นทอนคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เป็นที่สุด
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของการจัดงานในวันนี้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน ผู้ป่วย และครอบครัวได้ทราบถึงความสำคัญของโรค ได้ทราบถึงอาการ และอาการแสดงที่สามารถให้การวินิจฉัยได้ง่ายๆ จากการสังเกต ตลอดจนได้ตระหนักว่า โรคนี้รักษาได้ และยังเป็นโอกาสสำคัญที่บุคลากรสาธารณสุข จักได้เรียนรู้ร่วมกัน อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงาน โดยมีกลุ่มเป้าหมายกระจายความรู้สู่ชุมชน ประกอบด้วย บุคลากรโรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.)อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ประจักษ์ ศรีรพีพัฒน์ หัวหน้าสาขาวิชาประสาทศัลยศาสตร์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โครงการที่ทำงานในลักษณะจิตอาสาร่วมกับหน่วยงานรัฐก็คือคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดยจะติดต่อไปโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศที่มีขนาดใหญ่และศักยภาพสูง โดยเฉพาะโรงพยาบาลศูนย์ต่างๆอย่างเช่นโรงพยาบาลที่จังหวัดสุรินทร์ที่ศักยภาพสูง ที่จะสามารถนำความรู้กลับไปใช้ให้ก่อเกิดผลในวงกว้างได้ เราจะจัดงานแบบสัญจรเตรียมบุคลากรอุปกรณ์ความรู้ทุกอย่างมาจากทางศิริราช มาร่วมมือกันแบ่งหน้าที่กันทำงานที่นี้ก็จะมีหน้าที่หาผู้ฟัง ที่เราต้องการก็คือกลุ่มพลังประชาชน กลุ่มผู้สูงอายุโดยเฉพาะ อสม. เพราะอสม.มีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง เวลาเขามาฟังกลุ่มเป้าหมายเราก็ไปกระจายความรู้ต่างๆเพื่อไปถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะจะนำพาสู่การรักษาที่ลดภาวะอื่นๆ ซึ่งเราเข้าใจว่ามันเป็นโรคนั้น ที่แท้มันเป็นแค่ผลของโรคนี้ เช่นการล้ม ปัญหาของกั้นปัสาวะ ความจำสมองเสื่อมต่างๆความจริงมันเป็นผลไม่ใช่เหตุ ถ้าโรคนี้เป็นต้นเหตุก็รักษาได้ ถ้าคิดว่าโรคเข่าเสื่อมได้มากแค่ไหนหรือว่าเป็นต้อกระกระจกได้มากแค่ไหนโรคชนิดนี้มันก็เป็นได้มากเท่านั้น เพียงแต่ว่าเราจะรู้จักมันไหม ที่ผ่านมาเราไปรู้จักมันตอนที่เราล้มแล้ว เราก็รู้จักมันในนามของกระดูกหัก เลือดออกในโพรงสมองหรือว่าสำลัก ปัสาวะกั้นไม่อยู่เราก็เข้าใจว่าเป็นต่อมลูกหมากอย่างเดียวซึ่งความจริงมันไม่ใช่เราไปรู้จักมันในนามอันอื่นจริงแล้วมันเป็นโรคน้ำเกิน หรือน้ำคั่งในโพรงสมองนั้นเอง ส่วนมากจะเป็นในกลุ่มของผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 70-80 ปี โอกาสที่จะไม่เป็นหรือจะพ้นไปได้จนเลย 80 กว่าปียากมาก นพ.นายแพทย์ประจักษ์ กล่าว
จ.สุรินทร์
Discussion about this post