
กรณีนายภูวรินทร์ อายุ 54 ปี ชาว ต. สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้ถูกประธานสภาตำบลฯ แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่เตะเข้าใบหน้าจนต้องเข้ารับการผ่าตัด เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงพลบค่ำวันที่ 24 ธันวาคมหรือ 2 วัน ที่ผ่านมา กระทั่งผู้บาดเจ็บได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.แม่ปิงกับประธานสภาฯ คู่กรณีที่ทำร้ายร่างกาย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกพลาดพิงถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องว่าให้การช่วยเหลือ รวมทั้งบ้าน อดีตส.อบจ. ที่เป็นจุดเกิดเหตุ ว่าอาจได้รับความไม่เป็นธรรม
จากกรณีดังกล่าวเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 ธันวาคม นายธนกฤต พรมเสน กำนัน ต.สันผีเสื้อ พร้อมด้วยกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3, 4, 5 และ 6 รวม 8 คน ได้เดินทางมา เพื่อชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า ตนได้รับแจ้งว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกันที่บ้าน ร้องอ้อ ต.สันผีเสื้อ จึงได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองดังกล่าว เพื่อให้ไปดูเหตุการณ์ เพราะอยู่ใกล้ที่สุด แต่ทางผู้ใหญ่บ้านติดธุระ จึงให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเดินทางไปตรวจสอบแทน จากนั้นได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อไปสมทบ และตนได้เดินทางตามไปพร้อมกับสารวัตรกำนัน เดินทางกว่า15 นาที พื่อไปร่วมตรวจสอบแต่พอไปถึงก็ไม่พบผู้บาดเจ็บแล้ว และทราบว่าได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อไปทำการรักษาอาการบาดเจ็บดังกล่าว
จากการสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีประธานสภาเทศบาลตำบล ที่เป็นคู่กรณีของผู้บาดเจ็บ ก็ให้ข้อมูลว่า ได้มาพบกันและพูดกวนโทสะกัน ด้วยความโมโหก็ด้วยอารมณ์พลั้งพลาดจึงได้เท้าเตะไป 1 ครั้ง ขณะนั้นไม่รู้ว่าบาดเจ็บสาเหตุแค่ไหน แต่ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันอยู่แล้ว ต่อมาตนจึงได้แนะนำให้ประธานสภาฯ ที่เป็นคู่กรณี ติดตามไปยังโรงพยาบาล เพื่อตรวจเยี่ยมอาการแล้วให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหลังเกิดเหตุ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะทั้งคู่ก็รู้จักกันมานานและทำงานร่วมกันมา ในวันดังกล่าวประธานสภาฯ ยังได้เอากระเช้า ไปเยี่ยม พร้อมมอบเงินจำนวน 5,000 บาท ให้กับผู้บาดเจ็บเพื่อช่วยเหบือ เยียวยาเบื้องต้น
หลังเกิดเหตุผู้บาดเจ็บ ได้ติด
ต่อ และขอปรึกษากับทางผมตลอด ว่าควรจะทำอย่างไรบ้าง ไปพบกันดีหรือไม่ กระทั่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลง เพื่อเจรจากันที่บ้านของผู้บาดเจ็บ โดยขอให้ทางผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ของผู้บาดเจ็บไปเป็นสักขีพยาน และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงไปร่วมด้วย แต่ไปถึงก็เพียงแค่นั่งฟังทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงกัน และไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร เพื่อให้ทั้งสองไเจรจากัน เอง ตอนแรกผู้เสียหายได้เรียกร้องค่าเสียหาย 100,000 บาท หลังจากเจรจา และด้วยความเห็นใจกัน และทั้งคู่ก็รู้จักกันมานาน จึงเหลือเพียง 30,000 บาท เพื่อช่วยเหลือและเยียวยา เบื้องต้น เพราะเป็นเหตุทะเลาะวิวาทของคนเพียง 2 คน ไม่ได้เกี่ยวกับฝ่ายปกครอง เหมือนกับที่เป็นข่าวออกไปว่า ฝ่ายปกครองลำเอียงไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
หลังจากมีข่าวออกไปก็ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะชาวบ้านที่ไม่ทราบข้อเท็จจริง มาต่อว่าฝ่ายปกครอง จนเกิดความเสียหาย ส่งผลได้รับดูถูก เหยียดหยามจากผู้ที่ไม่เข้าใจ และคิดว่าฝ่ายปกครองไม่เอาไหน ทั้งที่ฝ่ายปกครอง ต. สันผีเสื้อ ทำงานอย่างหนัก และไม่เคยเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง วางตัวเป็นกลางมาโดยตลอด ดูแลลูกบ้านอย่างทั่วถึง เท่าเทียม วันที่เกิดเหตุก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์อย่างใด เพียงแต่ไปตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังได้รับแจ้งเท่านั้น
ส่วนฝ่ายผู้บาดเจ็บที่ไปแจ้งความและดำเนินการกับฝ่ายผู้ก่อเหตุนั้น ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ฝ่ายปกครองไม่ได้แนะนำ หรือให้ดำเนินการอย่างไร ขึ้นอยู่กับการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างผู้บาดเจ็บกับคู่กรณีดังกล่าว
ขณะเดียวกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและถูกโยงไปถึงบ้านของ ส.อบจจ.รายหนึ่ง ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นเพียงสำนักงานของลูกชาย สจ.รายดังกล่าว ช่วงเกิดเหตุทั้งตัว สจ. และลูกชายไม่ได้อยู่ด้วย เพียงแต่เป็นสำนัก งาน และบุคคลทั้ง 2 คน ทำงานร่วมกับลูกชายท่าน ส.อบจ.มาตลอด กรณีสื่อนำไปเสนอว่าอาจเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด หลังเกิดเหตุ ได้มีการสอบถามข้อเท็จจริงและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บแล้ว
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม อดีตส.อบจ.รายดังกล่าว ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์อย่างใดจากกรณีดังกล่าว เชื่อว่าเป็นการดิสเครดิต หรือโจมตีทางการเมือง ของฝ่ายตรงข้าม เพราะตนลงสมัครเป็นนายก ทต.สมัยหน้า ซึ่งเรื่องดังกล่าว ถ้าพาดพิง หรือสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง ขอสงวนสิทธิเพื่อ ปกป้องชื่อเสียงและครอบครัวที่ผ่านมาไม่ตอบโต้ ไม่อยากฟ้องร้อง หรือกระทบกระทั่งใครอย่างใด
////////
Discussion about this post