
ตามที่สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดแพร่มีกระแสเพิ่มทุกวัน ไฟป่าดับยากเกิดจากเนื้อในนโยบายรัฐไม่จริงใจส่งงบประมาณลงไม่ถึงท้องถิ่นหรือล่าช้า อีกทั้งโครงการของรัฐรื้อป่าสร้างป่าใหม่ร่วมมือกับภาคเอกชนมีการชิงเผาป้องกันป่าของตัวเองปล่อยไฟลามเข้าป่าธรรมชาติและป่าชุมชน
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดแพร่ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ขณะที่ทางราชการมีมาตรการเข้มงวดห้ามจุดไฟเผาป่าหรือเผาในที่โล่งแจ้งโดยเด็ดขาด แต่พบว่ามาตรการดังกล่าวมิได้ทำให้ไฟป่าหมดไปยังคงมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดแพร่แม้ว่ามีจุด hotspot น้อยลงแต่การเกิดหมอกควันในอากาศจนส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนมีเพิ่มขึ้นทุกขณะ และเชื่อว่าจะถึงจุดรุนแรงที่สุดในห้วงหมดมาตรการห้ามเผา
ล่าสุด ที่ตำบลนาพูน อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ มีพื้นที่ป่า ทั้งป่าสงวนแห่งชาติ และสวนป่าในโครงการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และการปลูกป่าตามนโยบายของรัฐที่ร่วมมือกับภาคเอกชน พื้นที่ป่าเหล่านี้ยังไม่สามารถควบคุมไฟป่าได้
นายสิริชัย โตสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านเป่าปม-ดงยาง หมู่ที่ 7 ตำบลนาพูน อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขอชื่นชมนโยบายและแนวทางแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าของทางจังหวัดแพร่ที่มีมาตรการมุ่งเน้นให้หมอกควัน PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนลดลง และมีมาตรการ มีคำสั่งการ ไปยังทุกพื้นที่ ในขณะเดียวกันภาคประชาชนในชุมชนต่างๆโดยเฉพาะกรรมการป่าชุมชนและชาวบ้านที่พร้อมจะเข้าร่วมตามแผนของทางราชการแต่ปรากฏว่ามีข้อจำกัดมากมายที่ทำให้แผนการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าของจังหวัดแพร่เดินไปไม่ถึงเป้าหมาย อุปสรรคที่ทางราชการควรมองและนำไปสู่การแก้ไขโดยเร่งด่วนคือ 1.ความล่าช้าของงบประมาณ ปัจจุบันงบแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าถูกถ่ายโอนจากป่าไม้ลงมายังท้องถิ่นซึ่ง ณ ปัจจุบันยังคงล่าช้า ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถออกปฏิบัติการได้และถ้าเนิ่นนานไปจะถึงฤดูเพาะปลูก ชาวบ้านที่จะทำงานดับไฟป่าจะต้องหันไปทำงานในภาคเกษตรของตนเอง 2.ขาดความร่วมมือของชุมชนข้างเคียง การทำงานไม่มีการประสานงานระหว่างชุมชนทำให้ชุมชนที่มุ่งแก้ไขปัญหาต้องทำงานหนักในขณะที่บางชุมชนผู้นำไม่มีความรับผิดชอบ ชุมชน ผู้นำชุมชน ขาดความจริงใจตั้งใจในการป้องกันไฟป่า 4.มาตรการชิงเผาก่อนห้ามเผาในพื้นที่ดูแลของทางราชการ พื้นที่ป่าในความรับผิดชอบของทางราชการใช้วิธีการชิงเผาเปิดพื้นที่ทำแนวกันไฟด้วยการเผาเศษใบไม้ในเขตแนวกันไฟแล้วลุกลามไปยังป่าธรรมชาติจนไม่สามารถดับได้ 5.วิธีการดับไฟป่า ที่ชุมชนยังขาดความรู้ความเข้าใจ และอุปกรณ์การดับไฟ ไม่เพียงพอ ในนามภาคประชาชนที่ให้ความสนใจการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าขอเรียกร้องให้ทางราชการเร่งดำเนินการมากกว่าการปล่อยปละละเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาน
การณ์เช่นนี้ ยังคงดำรงอยู่ต่อไป และในที่สุดการแก้ไขปัญหาหมอกควันฝุ่นละออง PM 2.5 ยังคงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวมต่อไป ซึ่งเครือข่ายป่าชุมชนและกลุ่มคนที่ให้ความสนใจเรื่องการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่ายังคงต้องการการรับฟังของทางราชการเพื่อแลกเปลี่ยนสภาพปัญหาและนำไปสู่การแก้ไขร่วมกัน
ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่ 061-595-5297