
ปฏิบัติการจับกุมจีนเทานักต้มตุ๋นรายสำคัญของ สตม.ครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 สืบเนื่องจากในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)ได้รับข้อมูลจากประชาชนพลเมืองดีว่า สังเกตเห็นพฤติกรรม ของชายชาวต่างชาติ รูปพรรณสัณฐานคล้ายคนจีน ซึ่งเข้ามาพักอาศัยในบ้านหรู มูลค่ากว่าแปดหลัก แต่กลับมีพฤติกรรมเก็บตัวไม่ออกไปไหนนานนับเดือน แต่กลับมีคนจีนคนอื่นๆเข้ามาพบเป็นระยะ จากข้อมูลดังกล่าว “บิ๊กปู” พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ในฐานะแม่ทัพของหน่วยงานหลัก ที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับคนร้ายข้ามชาติและคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงได้สั่งการมอบหมายให้ พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ในการระดมชุดสืบสวนในการติดตามพฤติกรรม และเนื่องจากพื้นที่บริเวณที่ได้รับเบาะแสเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 โดยมี พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ปฏิญญา จีรชนาสิน รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 จึงได้เรียกประชุมทีมสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 และ พ.ต.ท.ธงไทย ไพเราะ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 โดยวางแผนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย แฝงตัวไปอยู่บริเวณด้านนอกหมู่บ้านเพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวเป็นเวลานานร่วมสัปดาห์
จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สังเกตเห็นรถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ สีขาว ได้ขับเข้ามารับบุคคลต่างชาติเป้าหมายออกไปนอกหมู่บ้านเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เฝ้าสังเกตการณ์มา จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อเรียกชุดสืบสวน วางกำลังดักซุ่มตามจุดต่างๆในพื้นที่ ที่เชื่อว่าเป้าหมายน่าจะขับรถผ่าน กว่า 4 ชั่วโมง นับจากได้เบาะแส ความพยายามของชุดสืบสวนก็เป็นผล เมื่อหนึ่งในเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ พบรถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ สีขาว เปิดไฟเลี้ยวเตรียมจะเข้ามาที่หมู่บ้านหรู เจ้าหน้าที่จึงนำรถตำรวจเข้าปิดท้าย ก่อนลงมาแสดงตัว เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยแสดงบัตรข้าราชการให้ดู พร้อมเรียกให้ลงจากรถ ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวที่อยู่ภายในรถพบ เป้าหมายทราบชื่อ จากหนังสือเดินทางคือ นายอู๋ อายุ 40 ปี สัญชาติวานูอาตู พบตราประทับเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรล่าสุดตั้งแต่เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว การอนุญาตสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบเบื้องต้นว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และควบคุมตัวนายอู๋ ไปทำบันทึกจับกุมที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แต่ระหว่างทางนายอู๋กลับมามีท่าทีวิตกกังวลและยืนยันซ้ำๆกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนเป็นพลเมืองวานูอาตู ไม่ใช่คนจีน เจ้าหน้าที่พบพิรุธดังกล่าว จึงได้เร่งตรวจสอบประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้ทราบว่า นายอู๋ เป็นบุคคลที่ สำนักงานอัยการเมืองเฉาโจว ได้อนุมัติหมายจับในข้อหายักยอกเงินของบริษัท โดยในปี 2561 นายอู๋ เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขายโครงการอสังหาริมทรัพย์หรูในประเทศจีน อาศัยตำแหน่งหน้าที่วางกลอุบายเสนอ “ราคาพิเศษ” ให้กับลูกค้าผู้ซื้อบ้านรวมทั้งสิ้น 48 ราย โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ส่วนตัวของตนเอง เพื่อรับส่วนลดในโควต้าของตน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย กว่า 50 ล้านหยวน หรือมากกว่า 250 ล้านบาท ก่อนที่จะเชิดเงินจำนวนดังกล่าวหนีออกจากประเทศจีน เดินทางข้ามทวีปไปเปลี่ยนสัญชาติเป็นวานูอาตู เพื่อป้องกันการติดตามตัวของทางการจีน นายอู๋ใช้หนังสือเดินทางวานูอาตู ในการหลบซ่อน รอดพ้นจากการจับกุมมาเป็นเวลากว่า 7 ปี โดยล่าสุดในปี 2568 ตำรวจสากลได้ออกประกาศสืบจับสีแดง (INTERPOL’s Red Notice)เพื่อติดตามจับกุมตัวนายอู๋ในฐานะอาชญากรข้ามชาติ ก่อนที่จะมาถูก สตม.รวบตัวได้ในที่สุด ซึ่งหลังจากนี้ สตม.จะได้สืบสวนขยายผลเกี่ยวกับทรัพย์สินเช่น บ้าน รถหรู รวมถึงผู้ที่ให้การช่วยเหลือหรืออาจอยู่ในขบวนการต่อไป
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม รายงาน



































