
วันนี้ 17 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตามนโยบายนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายราชันย์ บัวตรี เป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้มอบนโยบายเน้นย้ำให้พื้นที่ป่าอนุรักษ์บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการบุกรุกพื้นที่ ทำไม้และล่าสัตว์ป่า และให้เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนเพื่อพิทักษ์ผืนป่าอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกรณีการเข้าไปบุกรุกขุดดินร่อนแร่ทองคำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำสำคัญของประเทศคือป่าลุ่มน้ำชั้น 1 A โดยให้บูรณาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการปราบปรามบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด นั้น
นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กล่าวว่า ล่าสุดวันที่ 15 พ.ย.68 ตนพร้อมด้วยคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งอำเภอทองผาภูมิ ที่ 329/2567 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบขุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ภายใต้การอำนวยการโดย นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ร่วมกันออกลาดปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา
จนกระทั่งเวลา 22.00 น.เจ้าหน้าที่ได้รับสัญญาณแจ้งเตือนจากล้องวงจรปิด จากการตรวจสอบภาพจากกล้องพบกลุ่มบุคคลเป็นชาย ประมาณ 15 ราย มีทั้งอาวุธปืนยาวและอาวุธปืนพกสั้น เดินเท้าเข้าไปในพื้นที่แปลงตรวจยึดเนื้อที่ 13-3-68 ไร่ บริเวณป่าปิล๊อกคี่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก พิกัด 47 P 426544 E 1640296 N (WGS 1984) ท้องที่หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เพื่อลักลอบขุดดินร่อนหาแร่ทองคำ เจ้าหน้าที่จึงเดินเท้ามุ่งหน้าไปที่พิกัดดังกล่าว พร้อมวางแผนเข้าจับกุม จนเวลา 23.30 น.ก็เดินทางไปถึง จากนั้นจึงวางแผนปิดล้อมและดักซุ่มดูพฤติกรรม แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังเนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวนั้นมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วย
โดยเจ้าหน้าที่เฝ้ารอดูพฤติกรรมอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งทุกคนแยกกลุ่มออกจากกันแล้วเดินลงไปขุดดินในหลุมที่มีอยู่แล้ว เมื่อได้จังหวะที่เหมาะสมเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าปิดล้อมเพื่อจับกุม แต่เนื่องจากห้วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงกลางคืนอีกทั้งมีการกระจายลงไปในหลุมหลายหลุม ทำให้กลุ่มบุคคลที่อยู่ในหลุมต่างๆไหวตัวทัน ก่อนที่จะอาศรัยความมืดและความชำนาญเส้นทางวิ่งฝ่าวงล้อมหลบหนีไปคนละทิศละทาง โดยไม่ได้นำทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่ใช้กระทำผิดหลายรายการติดตัวไปด้วย
แต่ยังมีชายอีก 4 ราย ไม่สามารถหลบหนีไปได้เนื่องจากหนีขึ้นมาจากหลุมไม่ทัน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้คาหลุมขุดดินร่อนหาแร่ทองคำ ทราบชื่อชายทั้ง 4 รายต่อมาคือ 1. นายอาว ไม่มีนามสกุล อายุ 35 ปี 2. นายออง ลวิน ฟิโอ (ไม่มีนามสกุล) อายุ 30 ปี 3. นายจอแล ไม่มีนามสกุล อายุ 44 ปี ทั้ง 3 เป็นชาวพม่า และ 4. นายตูหละ ไม่มีนามสกุล ชาวกะเหรี่ยง อายุ 45 ปี อาศัยอยู่บ้านปิล๊อกคี่ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ
จากการตรวจสอบโดยรอบ พบสิ่งของรวมถึงกระเป๋าใส่เงินของกลุ่มบุคคลที่วิ่งหลบหนีถูกทิ้งไว้บริเวณปากหลุมหลายรายการ ภายในกระเป๋ามีบัตรประจำตัวประชาชนพลเมืองของประเทศเมียนมา 5 ราย ประกอบด้วย 1. นายมาวตุยเอ สัญชาติกะเหรี่ยง 2. นายซอเลทู สัญชาติพม่า 3. นายซอแอะแล สัญชาติพม่า 4. นายเต๊ะไปอู สัญชาติพม่า และ 5. นายซอเนเนวา สัญชาติพม่า ส่วนของกลางที่ตรวจยึดเอาไว้ได้รวม จำนวน 40 รายการเช่น โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง ไฟฉายคาดศีรษะ ชะแลงเหล็ก กระสอบปุ๋ยสำหรับบรรจุดินแร่ทองคำ ธนบัตรชนิด 10,000 จ๊าด จำนวน 30 ใบ ธนบัตร 500 จ๊าด 1 ใบ และ 50 จ๊าด 2 ใบ วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง อาวุธปืนยาวลูกกรด (แบบไทยประดิษฐ์) 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 LR จำนวน 10 นัด เป็นต้น
หลังจากเจ้าหน้าที่รวบรวมของกลางแล้วเสร็จจึงเคลื่อนย้ายพร้อมนำตัว 4 ผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ แต่กว่าจะมาถึง ต้องให้ผู้ต้องหานั่งพักเป็นช่วงๆ เนื่องจากเส้นทางเดินนั้นขึ้นลงภูเขาสูงขั้นและสลับซับซ้อน หลังจากจดทำบันทึกเรื่องราวแล้วเสร็จจึงคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ใน 7 ข้อกล่าวหา ดังนี้
- ฐาน “ร่วมก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี วรรคสอง ประกอบมาตรา 55
- ฐาน “ร่วมกันยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ต้นน้ำลำธารโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 และมาตรา 31 วรรคสอง (3)
- ฐาน “ร่วมกันยึดถือหรือครอบครองที่ดิน รวมตลอดก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 19(1) ประกอบมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
- ฐาน “ร่วมกันเก็บหา กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่ง ดิน หิน กรวด ทราย แร่ หรือทรัพยากรอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ความในมาตรา 19 (2) และมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
- ฐาน “ร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 19 (6) และมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562
- ฐาน “ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (7) ประกอบมาตรา 45
และ7. ฐาน ความผิดเรื่องอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการฐานความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490
/////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์



































