
ไร่ชาวาวี (Wawee Tea) ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในเวทีระดับสากลอีกครั้ง โดยได้รับ 5 รางวัลสำคัญจากการประกวดชา 2 รายการใหญ่ประจำปี 2568 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการยืนยันถึงศักยภาพและมาตรฐานของชาไทยในระดับโลก
ในเวทีแรก “การแข่งขันชาเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 10” (10th Asia-Pacific Tea Contest) ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการอุตสาหกรรมชา สมาคมส่งเสริมความร่วมมือทางการเกษตรระหว่างประเทศของจีน ร่วมกับองค์กรชาจาก 20 ประเทศ ท่ามกลางตัวอย่างชาที่ส่งเข้าประกวด 342 รายการ ไร่ชาวาวีได้รับ 3 รางวัล ได้แก่ Gold Award 2 รางวัล และ Silver Award 1 รางวัล โดยการตัดสินใช้มาตรฐาน GB/T 23776-2018 และมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4 ท่าน จากสถาบันวิจัยชาจีนและมหาวิทยาลัยเกษตรซานตงเป็นผู้พิจารณาตัดสิน
นายพินิจ พิทักษ์วาวี ผู้ก่อตั้งไร่ชาวาวี กล่าวว่า “ใบชาไทยจากชาวาวีได้ผ่านกระบวนการประเมินอันเข้มงวดจากผู้เชี่ยวชาญระดับชาติของจีน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีคุณภาพทัดเทียมกับชาชั้นนำของเอเชีย”
ขณะเดียวกัน ในเวที “The World Green Tea Contest 2025” ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเวทีประกวดชาเขียวและชาพิเศษระดับโลก ไร่ชาวาวีสามารถได้รับรางวัลสำคัญต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ท่ามกลางตัวอย่างชา 194 รายการจาก 5 ประเทศ โดยได้รับ รางวัลสูงสุด Grand Gold Prize จากผลิตภัณฑ์ “Whirling Dance of Wawee Blooms” และ รางวัล Gold Prize จาก “Wawee Honey Wild Black Tea”
ทีมงานไร่ชาวาวีระบุว่า “การได้รับรางวัล Grand Gold ณ ประเทศญี่ปุ่น 2 ปีติดต่อกัน มิใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นทุ่มเทของเกษตรกรดอยวาวี ซึ่งมีแหล่งเพาะปลูกชาบนดินที่อุดมสมบูรณ์มีลักษณะไหล่ภูเขาที่เป็นแอ่งกระทะ ณ ระดับความสูง 850-1,200 เมตร ผสานกับกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีสมัยใหม่”
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไร่ชาวาวีได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการระดับสากล มาจากแหล่งเพาะปลูกบนดอยวาวี จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีลักษณะเป็นดินอุดมสมบูรณ์ และมีลักษณะภูเขาที่เป็นแอ่งกระทะ สภาพอากาศเย็น และมีหมอกหนา ประกอบกับการใช้ใบชาพันธุ์อัสสัมพื้นเมืองที่คัดสรรพิเศษ และกรรมวิธีแปรรูปอันพิถีพิถัน ทั้งการเก็บใบชาด้วยมือ และการหมักที่ช่วยดึงกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์คล้ายน้ำผึ้ง (Honey) ทำให้ได้ชารสชาติกลมกล่อม มีกลิ่นดอกไม้ป่า หวานปลาย และมีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งอย่างโดดเด่น
ความสำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของชาไทยจากสินค้าเกษตรทั่วไป สู่ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมเพื่อการส่งออก อีกทั้งยังสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรผ่านราคารับซื้อที่สูงขึ้น ช่วยเปิดตลาดใหม่ในจีน ญี่ปุ่น และยุโรป และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่สวนชาอื่นๆ ในการพัฒนาคุณภาพต่อไป
“ทุกความสำเร็จ มิใช่เป็นของไร่ชาวาวีแต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นของเกษตรกรดอยวาวี ลูกค้าผู้ให้ความไว้วางใจ และทุกท่านที่สนับสนุนชาไทย เราจะมุ่งมั่นพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ชาไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล” ทีมงานไร่ชาวาวีกล่าวสรุป




































