
เมื่อวานนี้นับเป็นหมุดหมาย
สำคัญของ มหากาพย์ค่าล่วง
เวลา ภาค 2 เพราะเป็นครั้ง
แรกที่เห็นอัยการยกกำลังมา
มากถึง 11 คน เพื่อทำหน้าที่
แก้ต่างให้การท่าเรือในคดี
ละเมิด 11 สำนวน – ขณะที่
ฝ่ายผู้บริสุทธิ์มีเพียง ทนาย
ปราบโกงเพียงคนเดียว ยืน
หยัดต่อสู้
แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการ
ยกทัพของอัยการครั้งนี้
สำคัญยิ่งกว่าตัวเลข 11 คน…ผลพวงจากคดีอาญา –
ตราบาปที่อัยการ-การ
ท่าเรือยังล้างไม่ออก
ทุกอย่างเริ่มจากคดีพิเศษ
ของ ดีเอสไอ เรื่องโกงค่าล่วง
เวลา 3,000 ล้านบาท
อัยการเป็นโจทก์
การท่าเรือเป็นผู้เสียหาย จำเลยเป็นพนักงานบริสุทธิ์
34 คน
ผลปรากฏว่า ศาลยกฟ้องจำเลยทั้ง 34
คน แม้ 5 คนที่รับสารภาพก็
ยกฟ้อง นี่คือคำพิพากษาที่ทั้งประเทศ จับตาและตั้งคำถามว่า “แล้วเหตุใดต้องฟ้องคน
บริสุทธิ์ตั้งแต่แรก?”
ภาพลักษณ์ของทั้งอัยการ
และการท่าเรือจึงถดถอยลง
อย่างหนัก และยังซ้ำเติมหนัก
ขึ้นเมื่ออัยการ อุทธรณ์จำเลย
ที่เสียชีวิตไปแล้ว ยิ่งตอกย้ำ
ความผิดพลาดเชิงกระบวนการแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
คดีละเมิด 46 คน -เงามืดจากคดีอาญาที่สะท้อนเรื่องเดียวกัน ก่อนอัยการจะยกกำลังมา ช่วยการท่าเรือในคดีละเมิดผู้เสียหาย 46 คนได้เดินทางไปหา อัยการสูงสุด (อสส.)เพื่อขอความเป็นธรรมและร้องว่าอย่าส่งอัยการมาช่วยการท่าเรือในคดีละเมิด เพราะเป็นคดีที่เกิดจากการ”กลั่นแกล้งผู้บริสุทธิ์”
แต่ผลที่ได้คือตรงกันข้าม…
เหมือนยิ่งยั่วยุให้ อัยการยก
ทัพมาสู้แบบเอาเป็นเอาตาย
เพื่อรักษา ‘ศักดิ์ศรีองค์กร’
มากกว่าความถูกต้องของคดี
อัยการตอบสังคมไม่ได้ เหตุใด 34 คนจึงถูกฟ้องทั้งที่ศาลยกฟ้องหมด คำถามที่อัยการยังไม่มีคำตอบคือ เมื่อศาลคดีทุจริตฯ ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด 34 คนอย่างไร้ข้อสงสัย เหตุใดอัยการจึงยังเดิน หน้าไล่ฟ้องต่อจนถึง
อุทธรณ์? และเมื่อคดีละเมิด 46 คนมีต้นกำเนิดจากการกระทำที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ใน
คดีพิเศษเหตุใดอัยการจึงยังเข้ามาเป็นทัพหน้าให้การท่าเรือ?
การสู้คดีด้วยข้ออ้างว่า”คดีละเมิดขาดอายุความ”
หรือ“เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแรงงาน”ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์องค์กรตกต่ำลง เพราะสังคมเห็นชัดว่ากำลังปกป้องการท่าเรือมากกว่าปกป้องความ
ยุติธรรม
การท่าเรือเริ่มรู้ตัวว่าศึกนี้สู้ไม่ได้ – จึงอยากยอมความ
ในเวทีศาลเมื่อวาน การท่าเรือแสดงท่าที “ยอมความ” อย่างชัดเจน เพราะรู้ว่าหากดื้อสู้ โอกาสแพ้สูงมาก , ต้องจ่ายค่าเสียหายอยู่ดี , ผู้บริหารจำนวนมากอาจถูกลากไปเบิกความ เสี่ยงต่อคดีเบิกความเท็จ
การยอมความจึงเป็นทางออกที่ “เจ็บน้อยที่สุด”สำหรับการท่าเรือ
แต่ท่าทีนี้กลับทำให้อัยการที่
ยกกำลังมาถึง 11 คน ไม่พอใจ เพราะการยอมความ
เท่ากับยอมรับโดยปริยายว่า
34 คนในคดีพิเศษก็ถูกกลั่น
แกล้งเช่นกัน
เมื่อมองภาพรวม – คดี
34 คน และคดี 46 คน คือเรื่องเดียวกัน ต่างกันแค่กฎหมาย คดี 34 คน = กฎหมายอาญา , คดี 46 คน = กฎหมายแพ่ง
แต่ “รากของปัญหา” คือเรื่อง
เดียวกันคือการกระทำที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์
จึงเกิดคำถามสำคัญว่า….
จะเสียเวลา สรรพกำลัง
และภาพลักษณ์ไปกับคดี
ละเมิดมูลค่า 184 ล้านบาท
เพื่ออะไร?เมื่อเทียบกับ อัยการที่ต้องส่งกำลังถึง
11 คน ผู้บริหารการท่าเรือจำนวน มากที่ต้องเสี่ยงถูกฟ้องกลับ
ภาพลักษณ์องค์กรรัฐที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ ปี 2569 – ปีแห่งบทสรุปมหากาพย์ค่าล่วง
เวลา ภาค 2 แนวโน้มชัดเจนมากว่า คดีละเมิดกำลังเดินหน้าสู่จุดจบ การท่าเรือมีแนวโน้มยอมความ
อัยการยังคงเผชิญคำถาม
จากสังคม ผู้บริสุทธิ์กำลังเข้าใกล้ความยุติธรรมเข้าไปทุกทีปีหน้า คนไทยทั้งประเทศจะได้เห็น “บทสรุป” ที่รอคอยกันมาหลายปี
ทนายปราบโกง 2 ธันวาคม 2568
///////////////////////////

