
วันที่ 20 ธันวาคม 2568 ที่ศูนย์ประสานงาน พรรคไทยพิทักษ์ธรรม: นายภปกชนก ทับเที่ยง หัวหน้าพรรคไทยพิทักษ์ธรรม นำคณะกรรมการบริหารพรรค รองหัวหน้าพรรคฝ่ายการเมือง คณะทำงานด้านยุทธ์ศาสตร์พรรค เปิดแถลงแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในฐานะพรรคการเมืองใหม่ต่อสาธารณะชนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ได้ก่อตั้งพรรคมาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2568 ก่อนที่จะเปิดตัวแนะนำพรรคและผู้สมัครในอนาคตอันใกล้นี้ว่า.. ตามที่รัฐบาลนำโดย นายอนุทิน ชาญวีลกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ดำเนินการให้มีการยุบสภา เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปทั้งประเทศตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ โดยทางคณะกรรมการเลือกตั้งได้กำหนดปฏิทินการเมืองให้มีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 นั้น จะเป็นจุดเสี่ยงที่อาจจะนำไปสุ่การนำประเทศเข้าสู่กับดักทางการเมือง เศรษฐกิจ ความเชื่อถือของประเทศ จนเป้นรัฐที่ล้มเหลวหรือไม่ ซึ่งทางพรรคมีความวิตกห่วงใยในเรื่องนี้เพราะ ดังนี้
- เป็นการเลือกตั้งที่จะนำไปสู่ความยุ่งเหยิงวุ่นวายทางการเมือง จนลุกลามไปสู่วิกฤติ์การเมืองอีกครั้งได้เพราะสภาพการณ์ทางการเมืองของประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย เผชิญอยู่กับข้อพิพาทกับเพื่อนบ้านที่ขยายวงไปสู่ความขัดแย้งทางอาวุธ มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกหลายพื้นที่ ที่จะกระทบต่อ การหาเสียง การไปใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชนที่จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เป็นไปตามหลักความโปร่งใส สุจริต และเสรีภาพที่เป็นธรรม มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่ยากต่อการกำกับดูแลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง
- การเลือกตั้งในสถานการณ์เช่นนี้จะทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมตามหลัก ความโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม ตลอดทั้งหลัก เสรีและเป็นธรรม มีการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่สมบูรณ์เป็นธรรม โดยเฉพาะการเข้าถึงสื่อสารมวลชนของรัฐซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลรักษาการ ที่สามารถใช้วิธีทั้งทางตรงและทางอ้อมให้คุณให้โทษ ทำลายคู่แข่งทางการเมืองได้อย่างง่ายดาย ทำให้การใช้วิจารณญานเลือกตั้งประชาชนเบี่ยงเบน สับสนหลงผิดในการเลือก พรรคและผู้สมัคร
- ผลจากปัญหาดังกล่าวทั้ง (1) และ (2) จะเป็นเหตุให้ประเทศขาดความน่าเชื่อถือ และ ขยายตัวไปสู่วิกฤติ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ เข้าลักษณะ รัฐที่ล้มเหลวได้
ด้านรองหัวหน้าพรรคฝ่ายการเมือง นายพัฒนชัย รัตนบุรี ได้ตอกย้ำขอให้ประชาชนช่วยกันจดจำและความจริงที่ว่า 1) การยุบสภาเพื่อให้การเลือกตั้งในครั้งนี้ เป็นการสร้างรอยด่าง ความน่าเชื่อถือในการเมืองแบบเก่า เพราะสาธารณะชนต่างรับรุ้รับทราบโดยทั่วไปเพื่อหนีการถูกตรวจสอบจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากสภา ไม่ใช่เพราะเหตุเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย 2) เป็นตัวอย่างที่เห็นได้อย่างเด่นชัด ผลพวงของการเมืองแบบเก่า ๆ ที่ทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมืองตกต่ำไป เรื่อย ๆ ทำให้ประชาชนอยากเปลี่ยนแปลงหนีจากการเมืองแบบเก่า ไปสุ่การเมืองแบบใหม่ที่มีพื้นฐานแห่งธรรมบ้าง ให้โอกาสประเทศจะเจริญก้าวหน้าหลุดจากกับดักทั้งปวงให้ได้ 3) ถึงเวลาที่ฝ่ายประชาชนเราจะเป็นผู้เปลี่ยนการเมืองเก่าออกไปเสียที จากการเลือกตั้งที่จะมาถึง ช่วยกันหยุดเงื่อนไขไม่ให้ชาติเราตกเป็นรัฐล้มเหลว ดังนั้น สำนึกสูงสุดของประชาชนในครั้งนี้จะเป็นรอยต่อและจุดเปลี่ยนที่สำคัญของชาติ เราไม่ควรให้ใครมาเปลี่ยนรัฐสภาเป็นสีเทา รัฐบาลเป็นสีเทา ข้าราชการเป็นสีเทา ชาติเราจะอยู่ไม่ได้ การเกิดขึ้นของ พรรคไทยพิทักษ์ธรรม ก็ด้วยเหตุที่มาข้างต้น เอเชีย ไทยเราต้องไม่ค้าสงคราม ประชาชาติในเอเชียต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน

