ช่วงพบค่ำวันที่ 22 ธค.68 นายสมพร พาระแพน อายุ 57 ปี ชาวตำบลเมืองเก่าอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี แจ้งตำรวจสายตรวจสภ.กบินทร์บุรี ขอให้มาช่วยดูซากหัวกะโหลกลูกควายซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นซากลูกควายไม่แน่ใจว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมียของพ่อ ลูกควายวัยแรกเกิดได้3วันหายจากฝูงควายกว่า30ตัว เมื่อวานนี้ฝูงควายของพ่อถูกต้อนมาเลี้ยงในพื้นที่ของเพื่อนบ้าน กระทั่งเย็นเมื่อวานแม่ควายเพิ่งคลอดลูกตัวหนึ่งร้องหาลูกตลอดเวลา วันนี้ออกมาตามหาลูกควายที่คาดว่าน่าจะพลัดหลงฝูงอยู่หลังวัดนครกบินทร์หมู่ที่ 16 ต.เมืองเก่า

ขณะที่เดินผ่านกระท่อมไม่มีเลขที่อยู่หลังวัดฯมีลุงสูงวัยคนหนึ่งอาศัยอยู่กับหญิงชาวกัมพูชา 2 คนขณะนั้นสายตาเหลือบเห็นคล้ายกับหัวกะโหลกอะไรบางอย่าง และได้สอบถามนายหงษ์ทอง มาดโพธิ์ อายุ 79 ปี เป็นเจ้าของกระท่อมที่อาศัยอยู่กับชาวกัมพูชา 2 คนเป็นผัวเมีย จากการสอบถาม 2 รอบนายหงษ์ทองยอมรับว่าหัวกระโหลกที่เห็นที่อยู่กับพื้นหน้ากระท่อมเป็นหัวกระโหลกของลูกควายแรกเกิด โดยนายหงษ์ทองกล่าวว่าออกไปหาปลาและได้เห็นลูกควายตายอยู่ริมสระน้ำ จึงชวนนางนาวีและนางแวว ที่เป็นภรรยาชาวกัมพูชา อายุ 50 ปีเศษและ 40 ปีเศษ ทั้ง 3 ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นผัวเมียมานานแล้วอาศัยอยู่ที่กระท่อมกลางทุ่ง นายหงษ์ทองยังบอกอีกว่าลูกควายตัวดังกล่าวน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัมจึงเอามาช่วยกันชำแหละทำเป็นอาหารกินกันจนหมด
นายสมพร กล่าวว่าลูกควายแรกเกิดได้ 3 วันไม่กลับเข้าคอกเมื่อวานนี้ จึงออกมาเดินตามหา และได้พบเห็นหัวกระโหลกซึ่งคิดว่า เป็นหัวกะโหลกควายที่ถูกชำแหละ และได้สอบถามนายหงษ์ทองตอนแรกนายหงษ์ทองบอกว่าที่เห็นต้มอยู่ในหม้อ เป็นต้มโครงหมูแต่พอสอบถามย้ำอีก จึงยอมรับสารภาพว่าในหม้อที่เหลือเป็นการต้มซากลูกควายจริง โดยนายหงษ์ทองบอกว่าเห็นลูกควายตายแล้วจึงนำซากมาชำแหละต้มเป็นอาหาร เมื่อยอมรับแล้วว่าเป็นคนนำซากลูกควายมาต้มกินและเห็นสภาพความเป็นอยู่ของนายหงษ์ทองกับภรรยา ไม่ติดใจเอาความแต่ได้คาดโทษไว้ว่าหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกจะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย

