
จังหวัดน่านเผชิญอุทกภัยครั้งใหญ่จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นมา ส่งผลให้หลายพื้นที่ของจังหวัดถูกน้ำท่วมฉับพลันจากกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อบ้านเรือน สิ่งของเครื่องใช้ พื้นที่เกษตรกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน
ประชาชนจำนวนมากถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ถนนหลายสายไม่สามารถสัญจรได้ และยังคงขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม และของจำเป็นอย่างต่อเนื่อง
ภาคธุรกิจน่านทรุดหนัก – ความเสียหายเบื้องต้นกว่า 3,000 ล้านบาท
นางสาววัชรี พรมทอง ประธานหอการค้าจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร SMEs และภาคอุตสาหกรรมที่ต้องหยุดกิจการ สินค้าและสต็อกสินค้าถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดได้รับความเสียหายเกือบ 100% ส่งผลให้รายได้จากภาคท่องเที่ยวหายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากการประเมินเบื้องต้น มูลค่าความเสียหายด้านธุรกิจอยู่ที่กว่า 3,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับภาคเกษตร ที่อยู่อาศัย โครงสร้างพื้นฐาน และค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ มูลค่าความเสียหายรวมอาจสูงถึง 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าหนักกว่าวิกฤตน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 อย่างมีนัยสำคัญ
4 ข้อเสนอเร่งด่วนจากหอการค้าน่านถึงรัฐบาล
- มาตรการลดภาระภาษี
- ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
- ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าบริการที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมทรัพย์สิน
- มาตรการเยียวยาโดยตรง
- จัดสรรงบพิเศษช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกภาคส่วน ทั้งด้านที่อยู่อาศัย ธุรกิจ และเกษตรกรรม
- มาตรการพักชำระหนี้สินเชื่อ
- พักหนี้สินเชื่อต่างๆ อย่างน้อย 1 ปี ครอบคลุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธุรกิจ และเกษตร
- การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐาน
- เร่งซ่อมแซมพื้นที่ท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างเร่งด่วน
หอการค้าจังหวัดน่าน วิงวอนถึงรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ให้พิจารณาข้อเสนออย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด และคืนชีวิตปกติให้จังหวัดน่านโดยไว
SAVENAN #หัวใจคนน่านไม่ยอมแพ้ #คนน่านไม่ทิ้งกัน #น้ำท่วมน่าน2568
“เสน่ห์น่านวันนี้ อาจเปียกฝน แต่หัวใจเรายังอบอุ่นเสมอ”
#
กัลยา สองเมืองแก่น จ.น่าน

