วันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานแถลงข่าวจับกุมชาวจีนและคนไทย รวม 3 คนที่รับจ้างถอนเงินสดจากบัญชีม้า กลางธนาคารห้างดังของเชียงใหม่ พร้อมยึดเงินสดกว่า 1.1 ล้านบาท ซึ่ง ศปอส.ภ.5 (PCT ภ.5) ได้สืบสวนหาข่าวว่ามีชาวจีนได้ทำธุรกรรมถอนเงินสดต้องสงสัย จนสืบทราบว่ากลุ่มคนจีนรับจ้างถอนเงินดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ จว.เชียงใหม่ จึงได้รวบรวมข้อมูลและลงพื้นที่ในการตรวจสอบที่ธนาคารทหารไทยธนชาต ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ต

กระทั่งวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมาเวลา 12.00 น. ได้พบกับได้จับกุมนายฉิน หลง หรือ MR.QIN LONG อายุ 29 ปี สัญชาติจีน นายจางลู่ผิง หรือ MR.ZHANG LUPING อายุ 30 ปี สัญชาติจีน น.ส.สุดารัตน์ อารี อายุ 40 ปี ซึ่งทั้ง 3 ราย ได้ไปทำธุรกรรมโดยการถอนเงินจากธนาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดการทำธุรกรรมดังกล่าวและเชิญบุคคลทั้งหมด มายัง ศปอส.ภ.5 เพื่อตรวจค้น พร้อมสอบสวนและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้น พบเงินสดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเป้ นายฉิน หลง หรือ MR.QIN LONG จำนวน 530,000 บาท โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง พบเงินสดซุกซ่อนอยู่ใน กระเป๋าเป้นายจางลู่ผิง หรือ MR.ZHANG LUPING จำนวน 610,000 บาท โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง รวมเป็นเงิน 1,140,000 บาท และพบบัญชีธนาคารจำนวน 3 เล่ม บัตรกดเงินสดจำนวน 2 ใบ โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง จากกระเป๋า น.ส.สุดารัตน์ ด้วย
ทั้งนี้ผู้ต้องหา Mr.QIN LONG และ MR.ZHANG LUPING ให้การรับสารภาพตรงกัน ผ่านล่ามว่า ได้รับสั่งการจากบอสชาวจีน ให้เดินทางมาจากจีน เข้ามายังไทย ผ่านวีซ่าท่องเที่ยว ทำหน้าที่รับเงินสดจากบัญชีม้าชาวไทย ที่ทำการกดเงินสดผ่านเคาเตอร์แล้ว จากนั้น
นำเงินสดที่ได้รับไปฝากเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ ตามที่ได้รับสั่งการ ทำมาแล้วกว่า 10 ครั้ง/บัญชีม้าได้รับค่าตอบแทน วันละ 300 หยวน หรือ 35,000 บาท/เดือน ส่วน น.ส.สุดารัตน์ รับสารภาพว่าได้ใช้บัญชีของตนเบิกถอนเงินสดมาจากธนาคารโดยคำสั่งการของชายชาวจีนทั้ง 2 คนโดยไม่รู้ว่าเงินดังกล่าวได้มาจากที่ใด ได้ค่าจ้างเปิดบัญชีและถอนเงินจำนวน 5,000 บาท
พล.ต.ท.กฤตธาพล จากคำรับสารภาพผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ได้ทำรายงานสืบสวน พร้อมยึดของกลางส่งให้พนักงานสอบสวน สภ. ภูพิงคราชนิเวศน์ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นฯ และผิดตาม พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามฯ พร้อมสืบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการคือ นายสุธาทร อุตมา ทำหน้าที่ชักชวนและหลอกเหยื่อให้หลงเชื่อ ซึ่งเป็นผู้ต้องรายที่ 4 ที่กำลังหลบหนี เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีผู้เสียหายจากกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงให้ทำภารกิจ เพื่อรับผลตอบแทน โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยเลขที่บัญชี 6648108940 ชื่อบัญชี น.ส.สุดารัตน จำนวนเงิน 538,669.60 บาท วันที่ 5 ส.ค. 2568 ซึ่งเป็นยอดเงินที่ถูกถอนออกจากธนาคารและได้ทำการตรวจยึดไว้ ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางรัก และโอนคดีมาที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์แล้ว นอกจากนี้ ยังพบผู้เสียหายจากแก๊งค์ดังกล่าว ซึ่งได้แต่งความไว้ที่ สภ.คอหงส์ จว.สงขลา (มูลค่าความเสียหาย 108,709 บาท) สภ.หาดใหญ่ จว.สงขลา (มูลค่าความเสียหาย 74,515 บาท)
ส่วนพฤติกรรมแก็งดังกล่าวได้เปลี่ยนระบบใหม่ โดยจ้างคนจีนเข้ามาอาศัยในไทย และไปจ้างคนไทยไปเปิดบัญชีม้า บัญชีละ 5,000-10,000 บาท เพื่อหลอกทั้งคนไทย และชาวจีนโอนเข้าบัญชีม้าดังกล่าว จากนั้นไปควบคุมเจ้าของบัญชี มากดเงินสด ก่อนนำเงินสดมมาเข้าระบบของแก็งคอลเซ็นเตอร์เอง เพื่อตัดระบบการติดตามเจ้าหน้าที่ที่แกะรอยเส้นทางเงินดังกล่าว ส่วนผู้เสียหายอื่น อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล และได้ดำเนินการคืนทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ให้กับผู้เสียหายต่อไปด้วย




































