นายกอบต.นราภิรมย์ จังหวัดนครปฐม แจงละเอียดกรณีชาวบ้านรวมตัวออกแรง ระดมทรัพย์ ซื้อดินถมถนนถล่ม โดยปัญหาเกิดจากเจ้าของที่ดินเอกชน ลักลอบตักลอบตักหน้าดินผิดกฎหมายเป็นเหตุหลักซึ่งตนเองยืนฝั่งชาวบ้านที่เดือดร้อนมาตลอดและได้ฟ้องร้องดำเนินคดีชนะไปแล้ว 6 ครั้ง แต่ปัญหาคือต้องใช้งบประมาณสูงเกินอำนาจตัดสินใจและต้องประสานขอการช่วยเหลือจากหน่วยงานหลักซึ่งได้มีการประชุมและเร่งหางบฉุกเฉินช่วยแล้ว เบื้องต้นติดป้ายบอกอันตรายช่วงทางทรุดลุกและติดไฟส่องสว่าง ถมจุดที่เห็นหลุมลึกให้แล้ว
วันที่ 13 สิงหาคม 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสยาม แจ่งกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนราภิรมย์ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ได้ลงพื้นที่บริเวณถนนในโครงการ สวนเกษตร ม.8 ต.นราภิรมย์ อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งมีประเด็น ที่ชาวบ้านออกมารวมตัวถือป้ายประท้วงและเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้าไปช่วยดูแลหลังจากที่ถนนทางเข้าหมู่บ้านมีการทรุดตัวและไม่สามารถใช้การได้อย่างสะดวก และล่าสุดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมาได้มีประธานหมู่บ้านและลูกบ้านได้รวมตัวกันซื้อดินมาถมในจุดที่เกิดปัญหา และเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวจนเป็นประเด็นข่าวที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในพื้นที่

การลงพื้นที่ดังกล่าว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนราภิรมย์ ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาทำการมาติดป้ายและบอกแนวเขตเส้นทางอันตรายในจุดที่เป็นหลุมลึกซึ่งจะทำให้ผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวและไม่คุ้นชินเส้นทางอาจจะเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากเป็นหลุมลึกสูงประมาณไม่น้อยกว่า 5 เมตร จากนั้นได้ทำการตรวจสอบพื้นที่ที่ชาวบ้านได้นำดินมาถมในจุดที่สุดตัวลงไปและตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งเพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรายงานผลการดำเนินการให้ประชาชนได้ทราบ
นายสยาม แจ่งกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนราภิรมย์ ให้สัมภาษณ์ว่าสำหรับกรณีที่ชาวบ้านได้มีการรวมตัวกันชูป้ายและล่าสุดมีการระดมเงินและช่วยกันออกแรงในการถมที่ดินดังกล่าวตนเองได้ทราบเรื่องแล้วซึ่งเรื่องดังกล่าวทางองค์การบริหารส่วนตำบลนราภิรมย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ดำเนินการเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ฟ้องร้องกับผู้รับเหมาขุดดินในจุดดังกล่าวซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดถนนทรุดตัว โดยตอนนี้ได้มีการติดไฟแสงสว่างตลอดเส้นทาง การนำหินมาถมในจุดที่เป็นทางเข้าที่มีลักษณะเป็นหลุมลึก รวมถึงมีการได้นำป้ายมาป้องกันแนวเขต เพื่อไม่ให้ประชาชนที่สัญจรไปมาหรือผู้ที่ไม่คุ้นชินกับเส้นทางเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
นายสยาม บอกว่าสำหรับปัญหาดังกล่าวดั้งเดิมพื้นที่ในจุดที่เป็นปัญหาเป็นที่ดินของเอกชนซึ่งมีหมู่บ้านเกิดขึ้นอยู่ภายในมาก่อนแต่ช่วงประมาณปี 2563 ทางเจ้าของที่ดินได้มอบ ถนนทุกเส้นภายในโครงการหมู่บ้านให้เป็นพื้นที่สาธารณ ถนนดังกล่าวจึงได้เข้ามาอยู่ในอำนาจการดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบลนราภิรมย์ ซึ่งในขณะเดียวกันก็ได้มีเอกชนมาขอซื้อที่ดินจากคนในพื้นที่ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากแนวถนน จากนั้นได้ทำการตัดหน้าดินขายซึ่งช่วงนั้นตนเองได้มีการแจ้งไปแล้วว่าผู้ประกอบการดังกล่าวมีการตักดินเกินขอบเขตที่ไปทำหนังสือในการจำหน่ายหน้าดิน ซึ่งทางผู้ประกอบการก็ไม่ได้สนคำคัดค้าน ต่อมาตนเองจึงได้เป็นตัวแทนในการแจ้งความดำเนินคดีและฟ้องร้อง เนื่องจากเป็นการประกอบธุรกิจที่ผิดกฎหมายและส่งผลให้เกิดดินและถนนทรุดตัวเสียหาย ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมาได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันมาแล้วถึงหกครั้งซึ่งทั้งหกครั้งศาลได้ตัดสินให้องค์การบริหารส่วนตำบลนราภิรมย์เป็นฝ่ายชนะคดีคดี ซึ่งในคดีล่าสุดที่ผ่านมาทางผู้ประกอบการได้ถูกตัดสินจำคุกแต่ก็ยังมีการยื่นขออุทธรณ์ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการของการพิจารณาคดีทางกฎหมาย ซึ่งตรงนี้ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน ซึ่งในจุดที่ถนนทรุดตัวลงไปนั้นยังมีส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับพื้นที่ของเอกชนบางส่วนการดำเนินการจึงเกิดความยุ่งยากขึ้น และจากการขุดหน้าดินและทำให้ถนนทรุดตัวลงไปลึกมากการจะใช้งบประมาณประจำปีเพื่อซ่อมแซมขององค์การบริหารส่วนตำบลนราภิรมย์จึงไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการสูงมากและเกินงบประมาณที่มีอยู่
นายสยาม กล่าวอีกว่า การดำเนินการฟ้องร้องกับเอกชนซึ่งดำเนินการมาหลายปีก็ยังมีอุปสรรคหลายอย่างในการที่จะเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครปฐมได้มีการเชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเข้ามาหารือร่วมกัน โดยมีหน่วยงานอาทิฝ่ายปกครองอำเภอบางเลน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐม โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครปฐม สำนักงานจังหวัดนครปฐม ท้องถิ่นนครปฐม กำนันตำบลนราภิรมย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลนราภิรมย์ รวมถึงตนเอง ได้เข้าหารือและทำความเข้าใจกับชาวบ้านรวมถึงประสานงานกับหน่วยงานทั้งหมดเพื่อหาทางออกให้กับชาวบ้าน ซึ่งอยู่ในช่วงกำลังดำเนินการแต่เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมาชาวบ้านได้มีการรวมตัวกันและไปซื้อดินมาถมใน. ดังกล่าวซึ่งก็ยังเกิดปัญหาว่าจุดที่เทดินลงไปนั้นเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของเอกชนซึ่ง ต้องมีการเข้าไปประสานงานหารือกันว่าเกิดผลกระทบหรือมีความยินยอมในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ก็ได้มีการพยายามดำเนินการอยู่
นายสยาม กล่าวต่อว่า วันนี้จึงได้มาชี้แจงกับชาวบ้านเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาผมได้เป็นตัวแทนของหน่วยงานภาครัฐเดินหน้าในการฟ้องร้องกับเอกชนที่มีการฝ่าฝืนลักลอบขุดดินดังกล่าวมาตลอดแต่เขาก็มีการใช้ช่องทางและประสบการณ์ทางกฎหมายต่อสู้กับเราอยู่ทุกครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงตนเองคาดหวังว่าในการฟ้องร้องทั้งอาญาและคดีทางแพ่งหากได้รับเงินชดเชยจากจำเลยก็จะนำเงินดังกล่าวมาทำการซ่อมแซมและพัฒนารวมถึงทำถนนให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้เร็ว แต่สุดท้ายก็ยังติดอยู่ที่เป็นกระบวนการในชั้นศาลที่ต้องต่อสู้ทางด้านเอกสารกันต่อ
“ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ของอบต. นราภิรมย์ ได้มีการเร่งทำเอกสารในการขอสนับสนุนงบประมาณจากเบื้องบนเช่นจากกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น และสอบถามหาความเป็นไปได้จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ซึ่งทุกภาคส่วนตอนนี้ก็พยายามเกาะติดกับปัญหาและพยายามหาทางในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอยู่ และไม่ได้มีการทอดทิ้งแต่อย่างใดเพียงแต่บางเรื่องเกินขอบเขตและอำนาจทางกฎหมายที่องค์การบริหารส่วนตำบลนราภิรมย์จะดำเนินการได้ด้วยตัวเอง และขอให้มั่นใจว่าผมไม่ทิ้งชาวบ้านแน่นอนซึ่งหากประชาชนท่านใดสงสัยก็สามารถเข้ามาสอบถามหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ซึ่งทางเราก็ยินดีที่จะทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่แน่นอน” นายสยาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนราภิรมย์ กล่าวปิดท้าย
ภาพ/ข่าว กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าว จ.นครปฐม