
วันที่ 14 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ที่สร้างความฮือฮาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เมื่อมีผู้พบเห็น “เมฆพญานาคคาบลูกแก้ว” ปรากฏชัดเจนกลางท้องฟ้าระหว่างการเดินทางกลับจากพื้นที่แนวชายแดนบริเวณช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี

นายสุรัตน์ ชัยกุลเทวินทร ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนพร้อมคณะ เมื่อวานนี้ (13 ส.ค) เดินทางไปมอบสิ่งของและกำลังใจให้ทหารกล้าแนวชายแดน โดยมี พระครูเกษมจันทวิมล (พระอาจารย์แดง วัดป้อมรามัญ) เกจิดังเมืองกรุงเก่า เดินทางไปด้วย ระหว่างเดินทางกลับ ใช้ถนน ทางหลวง หมายเลข 24 เมื่อขับรถมาถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 124 ถนนบุรีรัมย์-ประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่คาดคิด
ผมเห็นเมฆก้อนหนึ่งลอยอยู่กลางฟ้า ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเพียงเมฆธรรมดา แต่จู่ๆ แฟนและเพื่อนที่นั่งมาด้วย ต่างก็ชี้พร้อมกันว่า ‘พญานาคคาบลูกแก้ว!’ พอผมหันไปมอง ก็เห็นชัดเจนเป็นรูปร่างพญานาคจริงๆ กำลังคาบลูกแก้วเอาไว้ แถมยังมีแสงคล้ายลูกแก้วเปล่งประกายอยู่กลางท้องฟ้า
เพื่อนๆๆผู้เห็นเหตุการณ์ต่างเชื่อว่า นี่คือ “พญานาค” ปรากฏกายเพื่อปกปักรักษาและคุ้มครองทหารหาญแนวหน้า รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย พร้อมทั้งเชื่อว่าเป็นนิมิตหมายอันดีต่อสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดน
ตามความเชื่อของชาวอีสาน การที่เมฆก่อรูปร่างคล้ายพญานาค ถือเป็น นิมิตมหามงคลบ่งบอกถึงพลังแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการคุ้มครอง โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองมีความไม่สงบหรือมีเหตุการณ์สำคัญ
นายสุรัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะของตนได้น้อมนำสิ่งที่พบเห็นมาเป็นแรงศรัทธา และได้ร่วมกันอธิษฐานจิตขอให้สถานการณ์ชายแดนคลี่คลายโดยเร็ว ไม่มีผู้ใดต้องสูญเสีย ทั้งฝ่ายทหารและประชาชน
และเชื่อว่า “พญานาค” อาจกำลังส่งสัญญาณแห่งความหวังและความสงบสุขให้เกิดขึ้นในแผ่นดินไทยอีกครั้ง
ส่วนเมฆพญานาคคาบลูกแก้ว ไม่ใช่แค่ภาพบนท้องฟ้าแต่คือกำลังใจที่ฟากฟ้าส่งมาให้แผ่นดิน หนึ่งในความเห็นจาก พวกผมและเพื่อนๆที่นั่งมาด้วยกันในรถที่เชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์