วันที่ 9 ก.พ.63 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ท่าเทียบเรือด่านศุลกากรข้ามฟากระหว่างประเทศไทย-ลาว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ของอำเภอธาตุพนม พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร และที่ปรึกษาเจ้าคณะ ภาค 10 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายชาธิป รุจนเสรี ผวจ.นครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 นางกาญจนี รุจนเสรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ นำพุทธศาสนิกชน ที่เบียดเสียดกันเต็มริมตลิ่งจนไม่มีที่เดิน ตลอดจน “ข้าโอกาส” พระธาตุพนม ร่วมประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตจากใต้บาดาลแม่น้ำโขง หลังอัญเชิญก็จะแห่ไปตามถนนกุศลรัษฎากร เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ วิหารหอพระแก้ว ด้านหน้าองค์พระธาตุพนมฯ ซึ่งพิธีดังกล่าวเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา จากนั้น นายชาธิป รุจนเสรี ผวจ.นครพนม กล่าวคำอัญเชิญพระอุปคุต ที่ตามตำนานกล่าวว่าท่านจำศีลภาวนาอยู่ใต้บาดาล โดยมีผู้ดำน้ำลงไปอัญเชิญ จำนวน 5 คน ประกอบด้วย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน อดีต ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ต.สถาพร บุญชู ผบ.มทบ. 210 พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.อ.จักริน จิตคติ รอง ผบ.มทบ.210 พ.ต.อ.จุลฤทธิ์ จุลกะ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม เพื่อนำมาส่งให้แก่ นายชาธิป รุจนเสรี ผวจ.นครพนม และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ที่ยืนรออยู่บนปะรำพิธี ซึ่งกลางลำแม่น้ำโขงมีเรือรักษาความปลอดภัยจาก 3 หน่วยงาน คือ นรข. ตำรวจน้ำ และกรมเจ้าท่า พิธีสำคัญนี้จะจัดขึ้นทุกปี ก่อนเปิดงานนมัสการองค์พระธาตุพนม (ชาวอีสานเรียกว่า งานบุญเดือนสาม) เพื่อขอให้พระอุปคุต พระอรหันต์ผู้มีฤทธานุภาพสูง ในตำนานระบุว่าท่านอยู่ในสมัยแผ่นดินของพระเจ้าอโศกมหาราชขึ้นครองราชย์ หรือหลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว 200 ปี
งานนมัสการองค์พระธาตุพนมถือเป็นประเพณีสำคัญสืบทอดมาอย่างยาวนาน โดยชาวพุทธทั้งไทยและชาวลาวเชื่อถือสืบกันมา กล่าวกันว่าถ้าใครมีโอกาสเดินทางไปกราบไหว้พระธาตุพนม ถวายเครื่องสักการบูชาหน้าองค์พระธาตุด้วยตนเองแล้ว จิตใจจะสงบเยือกเย็นอย่างน่าอัศจรรย์ ถ้ายังไม่บรรลุนิพพานในชาตินี้ เมื่อเสียชีวิตไปแล้ววิญญาณก็จะได้ไปสู่สวรรค์ ชาวพุทธในถิ่นนี้ถือกันว่าองค์พระธาตุพนมไม่เพียงแต่จะเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระอุรังคธาตุเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ ได้เสด็จมาประทับแรมอยู่หนึ่งราตรีอีกด้วย ทำให้ทุกปีจะมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศของไทยและเทศ ต่างดั้นด้นเดินทางกันมาร่วมพิธีมากมายนับแสนคน จัดเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ส่วนคำว่า “ข้าโอกาส” กล่าวกันว่าเกิดขึ้นราว พ.ศ.500 ในสมัยเจ้าพระยาสุมิตตธรรมวงศา ผู้ครองเมืองมรุกขนคร ท่านทรงมีความเลื่อมใสศรัทธาต่อองค์พระธาตุพนมยิ่งนัก จึงเกณฑ์ไพร่พลร่วมกันบูรณะจนแล้วเสร็จ จึงเกิดคำว่า “ข้าโอกาส” เป็นข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนม ติดปากมาถึงปัจจุบัน ซึ่งผู้ที่เดินทางไปนมัสการองค์พระธาตุพนม จะเห็นข้าโอกาสสวมชุดสีขาว คอยปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาด เก็บสิ่งของ หรือจัดดอกไม้รอบองค์พระธาตุพนม นั่นคือข้าโอกาสผู้อุทิศตนเป็นสาวกรับใช้ใกล้ชิดกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พลังศรัทธาแต่ละคนได้เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน ตลอดจนเครื่องสักการะต่างๆ มาร่วมพิธี ขอพรให้พระอุปคุตคุ้มครอง ป้องกันภยันตรายต่างๆ ให้แก่ตนเองและครอบครัว เพราะศรัทธาในฤทธานุภาพของพระอุปคุต ซึ่งเป็นอรหันต์ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่หอแก้ววิหารใต้สะดือทะเล เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา หรือมีพิธีกรรมใหญ่ๆ ทางพระพุทธศาสนา ท่านจะขึ้นมาช่วยเหลือคอยปกป้องคุ้มครองด้วยความเต็มใจ
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ทำให้รูปแบบการจัดงานในปีนี้เป็นแบบเรียบง่าย แต่ยังคงสืบสานประเพณีอันดีงามด้วยการจัดตามประเพณีดั้งเดิม ซึ่งในวันแรกจะมีพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำโขงไปประดิษฐาน ณ พระวิหารหอพระแก้วในวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เพื่อขอพรให้พระอุปคุตผู้มีอิทธิฤทธิ์ตามตำนานช่วยปกปักรักษา ป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ไม่ให้เกิดขึ้นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ โดยในการอัญเชิญจะเป็นเพียงขบวนกลองยาวตามวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเท่านั้น จะไม่เหมือนทุกปีที่ผ่านมาที่มีขบวนนางรำ 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติแห่เครื่องสักการะบูชาอันยิ่งใหญ่ ไม่มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าเหมือนที่ผ่านมา แต่ยังคงมีซุ้มนิทรรศการหมู่บ้านศีล 5 และผลิตภัณฑ์ชุมชนให้นักท่องเที่ยวได้มาเลือกซื้อได้ และงดกิจกรรมมหรสพทุกอย่าง ส่วนพิธีทางพระ พุทธศาสนา เช่น ถวายผ้าห่มพระธาตุพนม ตักบาตรคู่อายุ ถวายข้าวพืชภาค เสียค่าหัว พิธีเจริญพระพุทธมนต์ การแสดงพระธรรมเทศนา และพิธีเวียนเทียน ยังคงมีอยู่เช่นเดิม แต่จะมีการเพิ่มระยะห่าง มีการควบคุมจำนวนผู้ร่วมพิธี โดยรวมกลุ่มกันได้ไม่เกิน 1,000 คน ตามมาตรการทางสาธารณสุข และต้องผ่านการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ เมื่อเข้ามาภายในงานแล้วต้องอยู่ในโซนที่เจ้าหน้าที่จัดให้ตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อรอเข้านมัสการองค์พระธาตุพนม ส่วนผู้ที่เข้าไปนมัสการองค์พระธาตุพนม จะให้รอบละไม่เกิน 600 คน ซึ่งจะมีเวลา 30 นาที ในการนมัสการกราบไหว้ขอพรและทำกิจกรรมอื่น ๆ จากนั้นจะต้องเปลี่ยนให้ผู้ที่รออยู่ได้เข้าไปทำกิจกรรมโดยทั่วกัน
Discussion about this post