นครพนม ปิดศูนย์ความปลอดภัยทางถนน พบ 7 อำเภอไม่เกิดอุบัติเหตุ

วันที่ 5 มกราคม 2566 ที่ห้องประ ชุมพระธาตุท่าอุเทน ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะทำงานประจำศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 จังหวัดนครพนม เพื่อสรุปผลการดำเนินงานในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยทางถนนในห้วง 7 วันอันตราย และปิดศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนครพนม ภายหลังร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์กับคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี ส่วนกลาง กระทรวงมหาดไทย

โดยจากข้อมูลของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม ในรอบ 7 วันอันตราย มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 13 ครั้ง บาดเจ็บ 11 ราย เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีอุบัติเหตุลดลง 3 ครั้ง โดยช่วงเวลาที่เกิดเหตุมากสุด คือช่วงเวลาตั้งแต่ 15.01 – 21.00 น. ส่วนช่วงอายุผู้บาดเจ็บที่พบส่วนใหญ่เป็นอายุระหว่าง 50 – 59 ปี ขณะที่ผู้เสียชีวิต 2 รายของจังหวัดนครพนมเป็นผู้มีอายุ 70 ปี และ 82 ปี ทั้งนี้มี 7 อำเภอไม่เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ อำเภอเรณูนคร อำเภอนาหว้า อำเภอศรีสงคราม อำเภอปลาปาก อำเภอวังยาง อำเภอท่าอุเทน และอำเภอโพนสวรรค์ สำหรับการอำนวยวความสะดวกและความปลอดภัยทางถนน มีการตั้งจุดตรวจหลัก 23 จุด จุดบริการ 81 จุด และด่านชุมชน 440 ด่าน มีการเรียกตรวจ 30,709 คัน ถูกดำเนินคดี 2,360 คน โดยภายหลังการประชุมรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบร่วมกันถอดบทเรียนในลักษณะเชิงลึกทุกกรณี เพื่อมาเป็นบทเรียนในการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุของจังหวัดนครพนม โดยเฉพาะกรณีที่เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ซึ่งเป็นทางตรง ถนนทางหลวงแผ่นดินทั้งคู่ โดยรายแรกที่เป็นผู้สูงอายุเดินข้ามถนนแล้วถูกรถตู้ชน ก็ต้องหาวิธีการสร้างความเข้าใจและรับรู้ให้ชุมชนร่วมกันป้องกันคนในครอบครัวปฏิบัติในลักษณะที่มีความเสี่ยงเช่นนี้ ขณะเดียวกันก็ต้องการดำเนินมาตรการทางกฎหมายควบคู่ไปด้วย ส่วนรายที่ 2 ที่เป็นเส้นทางกำลังก่อสร้างถนน 4 เลน แล้วมีการเลี้ยวตัดหน้าประชั้นชิด ก็ให้มีการติดป้ายแจ้งเตือน ไฟส่องสว่าง ในหลายจุดมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะถ้าแล้วเสร็จคาดว่าถนนจะสามารถทำความเร็วได้มากกว่านี้ และประชาชนในพื้นที่จะยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มมากตามไปด้วย รวมถึงให้หาวิธีการและมาตรการอื่น ๆ มาสร้างความปลอดภัยกับผู้ที่ใช้รถใช้ถนนแบบตลอดทั้งปี โดยนำแนวทางของพื้นที่อำเภอที่ไม่เกิดอุบัติเหตุมาเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อน.