วันที่ 4 กันยายน 2568 นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปศุสัตว์ ด่านกักกันสัตว์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ที่ทำการปกครอง อำเภอเมืองนครปฐม เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบฆ่าสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่หมู่ 8 ตำบลลำพยา และหมู่ 7 ตำบลนครปฐม อำเภอเมืองนครปฐม หลังได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่
จากการตรวจสอบทั้ง 2 แห่ง เจ้าหน้าที่เรียกดูใบอนุญาตประกอบกิจการฆ่าสัตว์ ใบอนุญาตเคลื่อนย้าย (ร.3) และใบอนุญาต การค้าหรือหากำไรในลักษณะคนกลางซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ (ร.10) ซึ่งเจ้าของสถานประกอบการได้นำใบอนุญาต ร.10 มาแสดงให้เจ้าหน้าที่ได้ แต่ ไม่สามารถแสดงใบอนุญาตประกอบกิจการฆ่าสัตว์ และใบอนุญาตเคลื่อนย้ายได้ จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ 2559 มาตรา 15 ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบกิจการฆ่าสัตว์เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต มีโทษความผิดตามมาตรา 56 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 15 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 22 เมื่อได้ประกาศกำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราวตามมาตรา 20 หรือประกาศกำหนดเขตโรคระบาดหรือเขตเฝ้าระวังโรคระบาดตามมาตรา 21 ห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ตามที่กำหนดในประกาศดังกล่าวเข้า ออก ผ่านหรือภายในเขตนั้นเว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากสัตวแพทย์ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบประจำเขตนั้นทุกครั้งที่มีการเคลื่อนย้าย มีโทษความผิดตามมาตรา 65 ผู้ใดฝ่าฝืนตามมาตรา 22 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ได้ อายัดอุปกรณ์ในการฆ่าสัตว์เบื้องต้น ได้แก่ เตา กระทะ หม้อต้มซากไก่ เครื่องปั่นขน ถังแช่ซาก กล่องบรรจุไก่ ทำบันทึกการควบคุมตัวตามมาตรา 22 และ 23 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหายพ.ศ 2565 และควบคุมตัวผู้กระทำความผิด พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐมเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ภาพ/ข่าว กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าว จ.นครปฐม
