วันที่ 8 กันยายน 2568 ที่เทศบาลตำบล (ทต.) ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดมผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมติดตามความพร้อมและแผนแก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนช่างเคี่ยน มีนายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายดุสิต พงศาพิพัฒน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงใหม่ นายสิทธาฤทธิ์ ปรีดานนท์ ผู้อำนวยการแขวงการทางเชียงใหม่ที่ 2 นายอำนาจ จันทร์วงศ์แก้ว ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง นายคเชน เจียกขจร นายกเทศมนตรีตำบลช้างเผือก และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นการเริ่มปฏิบัติหน้าที่ของนายทศพล เป็นงานแรก ที่รับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้นายคเชน ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่เทศบาลว่า ปีนี้เกิดน้ำท่วมขังชุมชนช้างเผือก และชุมชนช่างเคี่ยนรวม 3 ครั้งแล้ว เนื่องจากฝนตกหนักและไหลลงมาจากดอยสุเทพ เข้าสู่ลำห้วยช่างเคี่ยนแต่ระดับน้ำคลองชลประทานมีระดับสูงมาก ส่งผลระบายน้ำไม่ทัน และท่วมขังเป็นเวลานาน ซึ่งมีประตูระบายน้ำที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง รองรับปริมาณน้ำได้เพียง 4.78 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ต่ำกว่าการระบายน้ำตามปกติ 10 ลูกบาศก์เมตร/วินาทีจึงมีแผนติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยน้ำมัน เพิ่ม 1 เครื่อง ขนาด 1.5 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ซึ่งสภาเทศบาลอนุมัติจัดซื้อในวงเงินกว่า 10 ล้านบาทแล้ว โดยจัดซื้อจัดจ้างในสัปดาห์นี้ คาดติดตั้งและเปิดใช้งานได้ภายใน45 วัน พร้อมเจรจาผู้บุกรุกที่ก่อสร้างสิ่งกีดขวางในล้ำห้วยช่างเคี่ยนออกจากพื้นที่7-8 ราย เพื่อให้การระบายน้ำเร็วขึ้นอีก 20-30 %
นอกจากนี้ได้ปรึกษาสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอใช้งบประมาณสร้างหรือปรับปรุงทางระบายน้ำนอกพื้นที่บริเวณสะพานข้ามคลองชลประทานฝั่งช้างเผือกกับฝั่งช่างเคี่ยนเพื่อเป็นจุดระบายน้ำอีกแห่งหนึ่ง โดย สตง.แนะนำเสนอโครงการดังกล่าว ให้สภาเทศบาลพิจารณาอนุม้ติก่อน โดยนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 12 กันยายนนี้ ก่อนส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาอนุมัติ ตามขั้นตอน ถ้าไม่มีปัญหาและอุปสรรคอื่น สามารถปรับปรุงทางระบายน้ำดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20กันยายนนี้
ด้านนายทศพล เผยว่า จังหวัดพร้อมสนับสนุนแก้ปัญหาอุทกภัยเมืองเชียงใหม่ ทั้งในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และเทศบาลตำบลช้างเผือก ที่ประสบปัญหาอุทกภัยทุกปี หากมีฝนตก 30-40 มิลลิเมตร ต้องเตรียมพร้อมรับมือแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ หรือวอร์รูม เพื่อระบายน้ำ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที โดยต้องการให้เป็นการปัญหาแบบถาวรหรือยั่งยืน แม้ต้องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูง ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงก็ตาม
ภาพรวมเชียงใหม่ มีหน่วยงานราชการ 157 แห่ง เป็นส่วนภูมิภาค 35 แห่ง องค์กรปกครองท้องถิ่น 211แห่ง มีงบพัฒนา 30,000-40,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีงบประมาณ ปีละ 2,000ล้านบาท เทศบาลนครเชียงใหม่ 1,800 ล้านบาท เทศบาลตำบลช้างเผือก 130 ล้านบาทและจังหวัดอีก 300 ล้านบาทหากมีการบริหารจัดการงบประมาณที่ดี และใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า เชื่อว่าแก้ปัญหาอุทกภัยแบบยั่งยืนได้ ซึ่งตนพร้อมเป็นโซ่คล้องกลาง เพื่อเชื่อมทุกหน่วยงาน และทุกภาคส่วนให้ขับเคลื่อนพัฒนาเชียงใหม่ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน