
เกิดเหตุกลางหมู่บ้านในพื้นที่ ต.หวายเหนียว อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ชายวัยยี่สิบกว่าขับรถย้อนศร ก่อนเกิดปากเสียงกับคู่กรณี สุดท้ายคว้ามีดไล่แทงรอบรถ ครอบครัวผู้เสียหายเกือบเอาชีวิตไม่รอด โดยทางกล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ ผู้เสียหายเผยโทรแจ้งตำรวจ หลายครั้งกว่าตำรวจจะมา พอมาถึงก็เป็นตำรวจเกือบเกษียณอายุทำอะไรไม่ได้ ใช้เวลากว่าชั่วโมง สุดท้ายปล่อยผู้ก่อเหตุไปโดยไม่ควบคุมตัว ตั้งแต่ 5 กันยายน เวลาผ่านเกือบ 5 วัน ไม่มีความคืบหน้า ทำให้ครอบครัวผู้เสียหายออกมาเรียกร้องผ่านสื่อพร้อมบอกว่าชีวิตอยู่ในความเสี่ยงตลอดเวลา
นายทรงพล (สงวนนามสกุล) และนางสาวชลชนก (สงวนนามสกุล) เล่าว่า วันเกิดเหตุ แฟนตนขับรถยนต์ไปรับลูกที่โรงเรียน เวลาประมาณ 15.30 น. ถึงจุดเกิดเหตุราว 15.45 น. ของวันที่ 5 กันยายน ขณะนั้นมีรถของผู้ก่อเหตุขับย้อนศรออกมา ส่วนเราขับในเลนตามปกติ แฟนตนก็บีบแตรเตือน แต่เหมือนผู้ต้องหาไม่พอใจเสียงแตร จึงขับรถวนกลับมา แล้วเราดันขับไปจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นบ้านของผู้ก่อเหตุเองทราบชื่อภายหลังหรือนายกฤษฎา อายุประมาณ 20 ปี
ทันทีที่เราจอดรถ ผู้ต้องหาลงมาจากรถแล้วปรี่เข้ามาหา พร้อมด่าทอด้วยอารมณ์รุนแรง โดยใช้คำหยาบ เช่น ลูกกระ + หรี่ เราจึงตอบไปว่า ทำไมพูดกันดีๆ ไม่ได้หรือ ผู้ก่อเหตุพูดว่า มึงบีบแตรทำไม เราก็บอกว่าบีบเพราะตกใจ รถเขาพุ่งออกมาเหมือนจะชน จึงบีบเพื่อเตือนให้มีสติ แต่เขากลับยิ่งโมโห และพูดท้าทายว่าจะ เอาให้ไม่จบแน่ ก่อนจะถีบและทุบรถของเรา
หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุเดินวนไปมา แล้วเปิดประตูรถของเรา พยายามบิดกุญแจและค้นกระเป๋าภายในรถ เราจึงใช้ประตูหนีบตัวเขาไว้และพยายามดึงออกมา จังหวะนั้นพ่อผู้ก่อเหตุเข้ามาช่วยล็อกตัวเขาออกไป แต่เขายังไม่หยุด พูดจาข่มขู่เสียงดัง จนแม่ต้องเข้ามายึดตัวเอาไว้เช่นกัน
สักพักผู้ก่อเหตุวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วหยิบมีดยาวออกมา วิ่งไล่ฟันรอบรถ และพยายามจะแทงตนด้วย ถ้าไม่มีรถกั้นเอาไว้ คงเกิดเรื่องร้ายแรง แม่ผู้ต้องหาบอกให้เราหนีไปหลบในบ้าน แต่เราคิดว่าถ้าเข้าไปในบ้านคงยิ่งอันตราย เพราะไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ จึงเลือกวนอยู่รอบรถแทน
ระหว่างนั้นเราพยายามโทรเรียกตำรวจหลายครั้งกว่าจะติด แต่กลับถูกตำรวจถามกลับว่า พูดจริงหรือเปล่า รู้จักกันมาก่อนไหม ถ้าโกหกจะถูกแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จ เราจึงตอบว่า พี่ หนูจะตายอยู่แล้ว จะมาโกหกทำไม โชคดีที่มีเจ้าของร้านกล้องวงจรปิดออกมาช่วยไกล่เกลี่ย และพาเราไปหลบในร้าน ก่อนจะช่วยให้เราหนีออกมาทางหลังร้านแล้วขึ้นรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน
หลังจากแจ้งตำรวจ ตอน 15.45 น. กว่าตำรวจจะมาถึงก็เกือบ 17.00 น. ใช้เวลานานกว่าชั่วโมง และมาคนเดียวเป็นตำรวจอายุมากแล้ว ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทั้งที่ผู้ต้องหายังถือมีดอยู่ เราต้องคอยบอกให้เรียกกำลังเสริม สุดท้ายมีตำรวจมาเพิ่มอีก 2 นาย แต่ก็ไม่มีอุปกรณ์ควบคุมผู้ต้องหามาเลย แถมยังไม่จับกุมผู้ต้องหา เพียงแค่ถอยรถตำรวจเข้าไป แล้วก็ปล่อยให้ผู้ต้องหาขับรถออกไปเอง
เมื่อเราไปแจ้งความที่โรงพัก ร้อยเวรกลับไม่ทราบเรื่อง ทั้งที่เรามีบันทึกและคลิปเสียงหลักฐานชัดเจนว่าผู้ต้องหาใช้มีดไล่แทง พร้อมด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย เช่น อีลูกกะ x หรี่ ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทอย่างชัดเจน แต่ตำรวจก็ยังไม่ดำเนินคดี โดยบอกว่าให้ไปตรวจร่างกายก่อน ราวกับเป็นแค่คดีทะเลาะวิวาท
หลังเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุยังคงวนเวียนขับรถผ่านบ้านเรา เปิดกระจกมองเข้ามาแทบทุกวัน บางครั้งมาพร้อมผู้ชายอีกคน ทำทีเหมือนคุกคาม ครอบครัวตนรู้สึกไม่ปลอดภัย ต้องคอยระวังตลอดเวลา ทั้งที่เรามีลูกเล็ก ต้องไปรับส่งโรงเรียนทุกวัน
พ่อแม่ผู้ก่อเหตุเคยยอมรับเองว่าลูกชายเสพกระท่อมและกัญชา ทำให้มีอาการคลุ้มคลั่ง แต่จนถึงตอนนี้คดีก็ไม่คืบหน้า ไม่มีการติดต่อจากตำรวจ ทั้งที่เราได้แจ้งความไปแล้วถึง 3 ครั้ง
ขณะเดียวกันทางทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุไม่อยู่เจอเพียงแต่พ่อของผู้ก่อเหตุ โดยแจ้งว่าไม่อยากออกสื่อแต่ให้ข้อมูลว่า ที่ลูกชายก่อเหตุแบบนี้ขึ้นเพราะขับรถสวนออกมาแล้วสวนกันกับรถของคู่กรณีก่อนที่คู่กรณีจะบีบแตร ซึ่งลูกชายตนได้ขับเลยรถคู่กรณีไปแล้ว แต่มองเห็นว่ารถคู่กรณีจอดอยู่ ทำให้คิดว่าคู่กรณีไม่ยอมจบจึงได้เกิดปากเสียงกันเกิดขึ้น ซึ่งยอมรับว่าลูกชายตนเองนั้นเป็นคนใจร้อน ที่เห็นว่าลูกชายได้ใช้อาวุธมีดไล่ฟันคู่กรณีนั้น ที่ทำไปเพราะใจร้อนแต่จริงๆไม่กล้าฟันแน่นอน ถ้าพูดถึงเรื่องความผิดก็ให้ว่าไปตามกฎหมาย ซึ่งหลังวันเกิดเหตุนั้นลูกชายของตนเองก็ได้ไปตรวจสารเสพติดที่โรงพักในคืนวันนั้นก็ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด ที่ไปโรงพัก แล้วไม่พบกับคู่กรณี ตนก็ไม่อยากให้ลูกชายของตนพบกับคู่กรณีเดี๋ยวจะเกิดเรื่องขึ้นอีกเพราะลูกชายของตนเป็นคนใจร้อน ซึ่งตนยืนยันว่าตนไม่ได้เข้าข้างลูกชายแน่นอน./
//////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์