
วันนี้ (25 กันยายน 2568) พลเอกเอกรัตน์ ช้างแก้ว ผู้ช่วย ผอ.รมน. เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ครั้งที่ 10/2568 โดยมีพลเอกธงชัย รอดย้อย เลขาธิการ กอ.รมน. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. และ ทบ. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารรื่นฤดี กอ.รมน.(ส่วนกลาง) สำหรับ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด เข้าร่วมประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (VTC)
หน่วยที่เกี่ยวข้องได้สรุปรายงานถึงแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงในห้วงปัจจุบันยังคงมีความท้าทายเพิ่มขึ้น ทั้งการลักลอบลำเลียงยาเสพติด การเข้าเมืองผิดกฎหมายจากเมียนมาและกัมพูชา รวมถึงภัยไซเบอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่พัฒนารูปแบบด้วยปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อล่อลวงประชาชน ส่วนสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุรุนแรงตอบโต้จากกลุ่มก่อเหตุภายหลังการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่
โดยมีการรายงานผลการบูรณาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 25 กันยายน 2568 สามารถจับกุมคดียาเสพติดกว่า 1,800 ครั้ง ผู้ต้องหากว่า 2,500 คน พร้อมของกลาง อาทิ ยาบ้ากว่า 300 ล้านเม็ด ไอซ์กว่า 26 ตัน เฮโรอีนกว่า 560 กิโลกรัม และฝิ่นกว่า 2.3 ตัน รวมถึงสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดจำนวนมาก โดยพบว่าขบวนการยังคงใช้เส้นทางธรรมชาติบริเวณชายแดนไทย–เมียนมา และไทย–ลาวในการลำเลียง
ในขณะเดียวกันได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้กว่า 9,861 คน โดยมีทั้งสัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่น ๆ สามารถจับกุมผู้นำพาได้ 426 ราย สะท้อนถึงความจริงจังในการเฝ้าระวังและป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญด้านความมั่นคงของประเทศ
นอกจากนั้นได้รายงานถึงผลการปฏิบัติร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้และลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้กว่า 78 ครั้ง จับกุมผู้กระทำผิด 42 คน และตรวจยึดไม้มีค่าหลายชนิด เช่น ไม้พะยูง ไม้สัก ไม้ประดู่ และไม้ชิงชัน รวมกว่า 2,400 แผ่น/ท่อน
ในโอกาสนี้ กอ.รมน. ภาคและจังหวัดต่าง ๆ ได้รายงานผลการบูรณาการความร่วมมือแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง อาทิ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ จังหวัดชุมพร ตามพระราชดำริรัชกาลที่ 9 เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและเก็บกักน้ำเพื่อการเกษตร การปฏิบัติการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองและการลำเลียงสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดระนอง ตลอดจนการเสริมสร้างศักยภาพด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต
ด้านการรักษาความสงบภายในประเทศ กอ.รมน. ได้เดินหน้าโครงการหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (อพป.) ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา จำนวน 33 หมู่บ้าน เพื่อสร้างเครือข่ายมวลชนให้มีส่วนร่วมในการดูแลความสงบเรียบร้อย และยังได้ต่อยอดสู่โครงการเพชรในตม โดยคัดเลือกเยาวชนเข้าศึกษาเพื่อบรรจุเป็นครูในอนาคต อันเป็นการสร้างบุคลากรคุณภาพที่มีความเข้าใจด้านความมั่นคงและพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ
สำหรับการเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ กอ.รมน. ได้ขับเคลื่อนแผนตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ครอบคลุมกว่า 400 ตำบลทั่วประเทศ พร้อมสร้างตำบลต้นแบบ 89 ตำบล และผลักดันโครงการพัฒนาเฉพาะพื้นที่ เช่น โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม–น้ำแล้งในอำเภอตาพระยาและอำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองของประชาชนและใช้เป็นแนวป้องกันธรรมชาติตามชายแดน
ส่วนการบริหารจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อมในรอบปีที่ผ่านมาได้ใช้บทบาทของ รอง ผอ.รมน.จังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ในฐานะกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด เพื่อผลักดันงบประมาณกลางลงสู่การช่วยเหลือประชาชน และบูรณาการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็กใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ส่งผลให้จำนวนจุดความร้อน พื้นที่เผาไหม้ และค่า PM2.5 เฉลี่ยรายวันลดลงจากปีที่ผ่านมา ตลอดจนมีการบูรณาการเสริมสร้างเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาที่กระทบต่อความมั่นคง และสร้างความเชื่อมั่นต่อบทบาทของหน่วยงานภาครัฐ
ช่วงท้ายของการประชุม ผู้ช่วย ผอ.รมน. ได้กล่าวแสดงความขอบคุณและชื่นชมต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของ กอ.รมน. ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ตลอดจนภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเท พร้อมเน้นย้ำให้สืบสานเจตนารมณ์ดังกล่าวต่อไป เพื่อให้ กอ.รมน. เป็นหน่วยงานที่ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจได้อย่างแท้จริง ซึ่งจากผลการปฏิบัติในรอบปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความตั้งใจและความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการปกป้องประเทศจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ ดังนั้น กอ.รมน. จึงถือเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการบูรณาการแก้ไขปัญหาความมั่นคงเพื่อสร้างความปลอดภัย เสริมเสถียรภาพทางสังคม และคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติให้ยั่งยืน
……………………………………..
25 กันยายน 2568/ทีมโฆษก กอ.รมน.