
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.68 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง.ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ได้รับรายงาน ว่า
ระหว่างวันที่ 21 – 24 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ นำโดยนายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พ.ต.ต.พัชรพล อินเตจ๊ะ ผบ.ร้อย ตชด.135 ร.ท.สถาพร สิทธิศาสตร์ ผบ.มว.ลว.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ได้รับสัญญาณแจ้งเตือนมีวัตถุเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้บริเวณพื้นที่แปลงตรวจยึด 13-3-68 ไร่ ที่ถูกกลุ่มบุคคลลักลอบเข้าไปแผ้วถางขุดเจาะดินเพื่อนำไปร่อนหาแร่ทองคำ ซึ่งเป็นผืนป่าลุ่มน้ำชั้น 1A ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ท้องที่บ้านปิล๊อกคี่ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ เมื่อทำการตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดที่แจ้งเตือน พบกลุ่มบุคคลไม่ทราบจำนวน เดินเท้าเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวในช่วงเวลากลางคืน เชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่ลักลอบเข้าไปขุดดินร่อนแร่ทองคำอย่างแน่นอน
ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าทำการจับกุม โดยนำกำลังออกเดินทางทั้งทางเรือและทางบกตั้งแต่เวลา 20.00 น.ของวันที่ 25 ก.ย.68 เมื่อไปถึงจุดที่เหมาะสม เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังดักซุ่มโป่งบริเวณชายป่าริมทางเดิน ห่างจากแปลงบุกรุก 13 ไร่ ประมาณ 12 กิโลเมตร เพราะเชื่อว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะต้องลงจากภูเขาเดินย้อนกลับมาเส้นทางเดิมซึ่งมีอยู่เพียงเส้นทางเดียวเท่านั้นอย่างแน่นอน
จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่ช่วงเวลาประมาณ 03.30 น.วันที่ 26 ก.ย.ซึ่งเป็นช่วงกลางคืน เจ้าหน้าที่พบแสงไฟส่องสว่างจากไฟฉายที่ใช้คาดหัว เดินมุ่งหน้ามายังจุดซุ่มโป่ง จำนวน 1 คน เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมส่งสัญญาณและสามารถจับกุมตัวบุคคลดังกล่าวเอาไว้ได้ ทราบชื่อคือนายชัยเล็ก ธนูทอง อายุ 30 ปี เชื้อชาติกระเหรี่ยง เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หมายเลขบัตรขึ้นต้นด้วยเลข 0 ซึ่งเป็นบุคคลตามยุทธศาสตร์(กลุ่มเด็กนักเรียน) อาศัยอยู่หมู่ที่ 4 บ้านปิล๊อกคี่ ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ พร้อมตรวจยึดของกลางเอาไว้ได้หลายรายการ แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเอาไว้ก่อน
โดยนายชัยเล็ก บอกกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่า ตนมากับเพื่อนรวม 3 คน โดยตนเดินลงมาจากภูเขาก่อน ส่วนเพื่อนอีก 2 คน จะลงจากเขาตามมาภายหลัง เมื่อทราบข้อมูลเจ้าหน้าที่จึงซุ่มโป่งอยู่ที่จุดเดิม จนกระทั่งเวลา 06.00 น.เจ้าหน้าที่พบเพื่อนของนายชัยเล็ก กำลังเดินลงจากภูเขามุ่งหน้าที่มายังจุดซุ่มโป่ง เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้ทั้ง 2 ราย ทราบชื่อคือนายจอมือวา ไม่มีนามสกุล อายุ 24 ปี เชื้อชาติกระเหรี่ยง เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน บัตรขึ้นต้นด้วยเลข 0 (คนไร้สัญชาติ)และนายจอเลทู ไม่มีนามสกุล อายุ 17 ปี เชื้อชาติกระเหรี่ยง เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน บัตรขึ้นต้นด้วยเลข 0 ทั้งสองอาศัยอยู่บ้านปิล๊อกคี่ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
หลังจากจับกุมตัวเอาไว้ได้เจ้าหน้าที่ต้องรอให้สว่างท้องฟ้าเปิด จึงคุมตัว 3 ผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พร้อมรวบรวมของกลางเอาไว้เป็นหลักฐาน รวม 17 รายการ ส่วนใหญ่เป็นกระสอบปุ๋ย รวมถึงถุงพลาสติกและกระปุก สำหรับบรรจุดินและก้อนหินที่มีแร่ทองคำ น้ำหนักรวมกัน 25.7 กิโลกรัม โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง และอุปกรณ์ที่ใช้กระทำผิด ประเภทมีดเหน็บ จำนวน 1 เล่ม มีดพก จำนวน 1 เล่ม ไฟฉายคาดหัว จำนวน 6 อัน เปลนอนจำนวน 5 ผืน เป้สะพายหลังที่ทำจากกระสอบ จำนวน 5 ใบ กว่าจะเดินทางมาถึงต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง
ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การว่า ของกลางดินและหินที่มีแร่ทองคำ พวกตนจะนำไปขายให้กับร้านค้าที่มีอยู่ภายในหมู่บ้าน ส่วนจะได้ราคาเท่าไหร่นั้นยังไม่ทราบเพราะพวกตนทั้ง 3 ถูกจับกุมตัวได้เสียก่อน หลังจากผู้ต้องหายอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงจดทำบันทึกเรื่องราวเอาไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา กระทำความผิด
- ฐาน “ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี วรรคสอง ประกอบมาตรา 55
- ฐาน “ยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 และมาตรา 31 วรรคสอง (3)
3 ฐาน “ยึดถือหรือครอบครองที่ดิน รวมตลอดก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 19(1) ประกอบมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 - ฐาน “เก็บหา กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่ง ดิน หิน กรวด ทราย แร่ หรือทรัพยากรอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ความในมาตรา 19 (2) และมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
และ 5. ฐาน “เข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 19 (6) และมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาศาลจังหวัดทองผาภูมิได้มีคำพิพากษาจำคุกผู้กระทำผิดในคดีดังกล่าวมาแล้วรายราย และรอคำพิพากษาอีก จำนวนหลายรายเช่นกัน ส่วนร้านค้าที่รับซื้อเจ้าหน้าที่ได้ประกาศประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงบทลงโทษไปแล้ว แต่ก็ยังมีการลักลอบกระทำผิดโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย สำหรับพื้นที่ที่ถูกขบวนการดังกล่าวลักลอบเข้าไปขุดเจาะภูเขาจนได้รับความเสียหาย 2 จุดเนื้อที่กว่า 27 ไร่นั้น เป็นผืนป่าสำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาที่ลักลอบเข้าไปขุดดินร่อนหาแร่ทองคำ ส่วนใหญ่เป็นชาวพม่าที่มีบัตรขึ้นต้นด้วยเลข 0 หากศาลพิพากษาจนถึงที่สุด ต้องถูกเพิกถอนสถานะ ตามประกาศจังหวัดกาญจนบุรี หลังจากพ้นโทษออกมาจะ ต้องถูกเนรเทศออกจากราชอาณาจักรไทยต่อไป
////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์