กาญจนบุรี – นายชนาธิป ขับโยต้า รุ่นอัลพาร์ด ขนยาเสพติด รับว่า 4 ครั้งผ่านตลอด ครั้งที่ 5 เพิ่งโดนจับ! รอง ผวจ.กาญจน์ แถลงข่าวจับคดียาเสพติดค่ากว่า 58 ล้านบาท จนท.เตรียมขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ เบื้องต้นรู้ตัวหมดแล้ว

จากกรณีนายชนาธิป หรือซันหน่า แสวงศิลป์ อายุ 51 ปี ที่อยู่ 5/3 หมู่ที่14 ตำบลรางสาลี่ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) หนัก 25 กิโลกรัม ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 20,000 เม็ด วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (เคตามีน) 201 กิโลกรัม ยึดรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว หมายเลขทะเบียน กล 5467 กาญจนบุรี ที่ใช้เป็นพาหนะซุกซ่อนยาเสพติดจำนวนดังกล่าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จำนวน 1 คัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่บริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ บนถนนทางหลวงหมายเลข 323 (สังขละบุรี-กาญจนบุรี) หมู่ 1 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ 1 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี (ภ.จว.กาญจนบุรี) นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายฑรัท เหลืองสอาด ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี พันตำรวจเอกสธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ พันตำรวจเอกพิพัฒน์ รุ่งสัมพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พันตำรวจเอกปริญญา ใคร่ครวญ ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พันเอกจักรพงศ์ ศรีสุวรรณ รอง ผอ.รมน.กาญจนบุรี พันเอกปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พันตำรวจโทยุทธนา เสือวิเชียร สว.นปส.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ บช.ปส.4 เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ ตชด.13 และเจ้าหน้าที่ นบ.ยส.17 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดข้างต้น ที่มีมูลค่ากว่า 58 ล้านบาท โดยการแถลงนำเฉพาะของกลางที่ตรวจยึดได้มาแถลงต่อสื่อมวลชน เท่านั้น

นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รอง ผวจ.กาญจนบุรี แถลงว่า สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 28 ก.ย.68 นายชนาธิป หรือซันหน่า อายุ 51 ปี ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด หมายเลขทะเบียน (กล 5467 กาญจนบุรี)จากบ้านพักมุ่งหน้าไปยังชายแดนอำเภอสังขละบุรี โดยมีนายศุภณัธ หรือนัด ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร ติดตามไปโดยมี นางสาวมาริษา หรืออาย ร่วมเดินทางไปด้วย กระทั่งเวลา 13.00 น.ของวันเดียวกันก็ไปถึง

จากนั้นนายชนาธิป ได้นำรถไปจอดเอาไว้ที่บริเวณลานจอดรถขนถ่ายสินค้า หมู่ 9 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี โดยจะมีชายชาวพม่ามาขับข้ามฝั่งไปยังอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา เพื่อนำยาเสพติดมาซุกซ่อนเอาไว้ตามจุดต่างๆภายในรถยนต์ จากนั้นนายชนาธิป ไปเช่ารีสอร์ทแห่งหนึ่งเพื่อพักค้างคืน ส่วนตัวของนางสาวมาริษา กับนายศุภณัธ ไม่ทราบว่าไปพักที่ใด

ต่อมาเวลา 10.00 น.ของวันที่ 29 ก.ย.68 นางสาวมาริษาฯ และนายศุภณัธ สองสามีภรรยา ได้ขับรถไปรับนายชนาธิป ที่รีสอร์ท ไปส่งที่ลาดขนถ่ายสินค้าเพื่อขับรถยนต์อัลพาร์ด กลับไปจอดเอาไว้ริมคลองชลประทานในพื้นที่ อำเภอท่าม่วง ระหว่างทาง นางสาวมาริษา กับนาย ศุภณัธ ได้ขับรถนำหน้าเพื่อคอยสังเกตเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจต่างๆที่มีอยู่บนถนนสาย 323 เมื่อเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจเผลอ นางสาวมาริษา จะโทรศัพท์แจ้งให้นายชนาธิปทราบ แล้วขับรถผ่านด่านไปโดยไม่มีปัญหา

จนกระทั่งมาถึงจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ หมู่ 1 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ ปรากฏว่านางสาวมาริษา ไม่ได้โทรแจ้ง ทำให้นายชนาธิป ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้พร้อมของกลางจำนวนดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ทองผาภูมิ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่ามีใครบ้าง เชื่อว่าจะสามารถขออนุมัติหมายจับในการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ในเร็วๆนี้ หากจับกุมตัวได้จะทำการขยายผลเพื่อยึดทรัพย์ตาม พรบ.ยาเสพติดขั้นเด็ดขาด ต่อไป

เบื้องต้นนายชนาธิป ผู้ต้องหาให้การว่า เคยทำในลักษณะเดียวกันมาแล้ว 4 ครั้งโดยได้ค่าจ้างครั้งละ 10,000 บาท ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ก็มาถูกจับกุมตัวได้เสียก่อน หลังจากผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา “จำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน ชนิดยาไอซ์และยาบ้า) และวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (เคตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป รวมถึงข้อหา มีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกายขณะขับขี่ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” ขณะนี้เจ้าหน้าที่สอบสวน นายชนาธิป ให้การเป็นประโยชน์มาก เจ้าหน้าที่จะเร่งทำการขยายผลไปให้ถึงตัวการใหญ่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เกรงจะเสียรูปคดี./
………………………….
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

You May Also Like