
วันที่ 3 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ออกหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 8 ถึง 11 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จากอิทธิพลพายุบัวลอย ส่งผลให้ฝนตกหนักหลายพื้นที่เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จากการคาดการณ์ในช่วงวันที่ 1-9 ต.ค. 2568 ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำนครสวรรค์ C.2 จะเพิ่มขึ้นในเกณฑ์ 2,70 – 2,900 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาสูงขึ้นตามลำดับ
ทางกรมชลประทานจำเป็นต้องใช้พื้นที่ว่างเหนือเขื่อนชะลอน้ำไว้รวมทั้งตัดยอดน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำทั้ง2ฝั่ง แต่เนื่องจากพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยายังคงมีฝนตกเต็มพื้นที่เช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีที่ยังเกี่ยวไม่แล้วเสร็จ ต้องแบ่งรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งรวมจำนวน 400 ลบ.ม./วินาที มีความจำเป็นที่จะต้องแจ้งเตือนล่วงหน้าระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราจากเดิมไม่เกิน 2,500 ลบ.ม./วินาที เป็นไม่เกิน 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แบบขั้นบันได ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นสูงจากปัจจุบัน 10-40 ซม. ต่อการปรับระบายแต่ละครั้ง
พื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ที่ได้รับผลกระทบมีดังนี้
1.คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.อยุธยา ต.หัวเวียง.อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.อยุธยา(แม่น้ำน้อย)2.วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
3.อ.เมือง จ.สิงห์บุรี
4.อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
5.วัดไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง
6.ต.โพนางดำ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท
7.วัดเสือข้าม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
8.อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง
9.บ้านท่าทราย อ.สรรพยา จ.ชัยนาท
10.ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
11.ต.เทวราช อ.ไชโย จ.อ่างทอง
สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทางกรมชลประทานได้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาจากอัตราเดิม 2,300 ลบ.ม./วินาที มาเป็น 2,400 ลบ.ม./วินาที เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้น +20 ซม.
สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 2,770 ลบ.ม./วินาที ที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.37 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 15.70 เมตร/รทก. ซึ่งระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 64 ซม. และเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 2,400 ลบ.ม./วินาที จึงส่งผลทำให้ ที่สถานี C.3 บ้านบางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,479ลบ.ม./วินาที
ทั้งนี้ หากมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 2,700 ลบ.ม./วินาทีจะแจ้งให้ทราบต่อไป กรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำ และควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวอย่างเต็มศักยภาพ ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ กรมชลประทานได้แจ้งเตือน 11 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ขณะที่ทางชาวบ้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในพื้นที่ ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท บางราย เริ่มทยอยขึ้นมาอาศัยอยู่ริมถนนสายคันคลองมหาราชบ้างเเล้วบางส่วน หลังมวลน้ำจากเเม่น้ำปริ่มตลิ่ง
นายจรัญ ขวัญเผือก ชาวบ้าน ม.1 ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า น้ำในบ้านยังปริ่มๆจะท่วมไม่ท่วม ที่ออกมาอยู่ริมถนน เนื่องจากเตรียมการณ์ไว้ก่อน ถ้าน้ำมาจะเอาไม่ไหวขนของไม่ทันเหนื่อย ที่พักก็ต้องทำ ของก็จะขน อยู่กัน2คนเหนื่อยมาก ตอนนี้ที่บ้านยังไม่ท่วม น้ำปริ่มตลิ่ง เพราะทางเทศบาลทำแนวคันดินกั้นน้ำไว้ แต่ขึ้นมาอยู่ริมถนนกว่า 10 วันแล้ว ความเป็นอยู่ไม่สะดวกเหมือนอยู่ที่บ้านแต่ไม่ลำบากมากนัก ตอนนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ขึ้นมาอยู่ริมถนน มีบ้างแต่ไม่มาก แต่แถบใต้ที่ติดกับ ต.ชีน้ำร้าย จ.สิงห์บุรี ขึ้นมาอยู่กันเยอะ



































