รถไฟต้องเพิ่มโบกี้รถไฟ รองรับผู้โดยสารรถไฟจาก จชต.เพื่อเดินทางกลับหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

วันนี้ 15 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้โดยสารรถไฟจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มจำนวนมากขึ้น เพื่อเดินมาทางกลับหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องเพิ่มโบกี้รถโดยเฉพาะขบวนสุไหงโก-ลก – กรุงเทพฯ ถึง 18 ตู้ เพื่ออำนวยความสะดวกรองรับผู้โดยสาร ซึ่งพบว่าทุกขบวนถูกจองเต็มไปถึงวันที่ 18 เมษายน 2565แล้ว ซึ่งเป็นภาพบรรยกาศการเข้ามาจับจองซื้อตั๋วโดยสารรถไฟ และผู้โดยสารรถไฟสายใต้ ภายในสถานีรถไฟยะลา จังหวัดยะลา ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา จะเห็นว่าเริ่มมีประชาชนและผู้โดยสารเริ่มเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร เพิ่มมากขึ้น โดยผู้สื่อข่าว ได้สอบถามผู้โดยสาร ที่มารอรถเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ เล่าว่า เหตุผลที่ต้องเดินทางกลับก่อนในวันนี้ เพราะเลี่ยงความแออัดในช่วงที่คนจะเดินทางกลับจำนวนมากในช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์นี้ ที่จำทำให้ซึ่งบนขบวนรถไฟจะเต็มไปด้วยผู้โดยสาร และโดยสารลำบาก เพราะตนเองมีกระเป๋า สัมภาระ และของฝาก รวมไปถึงพืชผลทางการเกษตรจากในสวน ที่ขนกลับไปกรุงเทพฯด้วย จึงเลือกเดินทางกลับตั้งแต่เนิ่นๆ ประกอบกับการเดินทางโดยรถไฟ บรรยากาศดี สะดวกและประหยัดกว่ามากเมื่อเทียบการโดยสารอื่น

   ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เพิ่มตู้โดยสารเป็น 18 ตู้ ในเส้นทางสายใต้ จากต้นทางสถานีต้นทางสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ทำให้เป็นขบวนที่ยาวจนสามารถรองรับผู้โดยสารได้จำนวนมาก ที่จะเดินทางในขาขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ด้วยการเพิ่มตู้โดยสารตู้ชั้น 2 นอนอีก 1 ตู้ เพิ่มตู้ชั้น 2 อีก 1 ตู้ และเพิ่มตู้ชั้น 3 ไปอีก 7 ตู้ ในขบวน 171/172กรุงเทพฯ – สุไหงโก-ลก – กรุงเทพฯ ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลการเดินทางจากนายอาทิตย์ สุวรรณบันดิษฐ์ ผู้ช่วยนายสถานียะลา ยอมรับว่า ช่วงนี้ประชาชนจะเดินทางกลับจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบตั๋วโดยสารพบว่า ถูกจองตู้นอนและชั้น 2 จนเต็มทั้งหมด ไป 18 เมษายน 2565 แล้ว ส่วนที่ยังเหลือจะเป็นตู้ชั้น 3 ที่ยังว่างไม่มากแล้ว ซึ่งคาดว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้ไปจนถึงวันที่ 18 เมษายน 2565 ที่นั่งบนตู้ชั้น 3 ก็จะแน่นตั้งแต่ต้นทางจากสถานีสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เช่นกัน เนื่องจากบนรถไฟ ต้องมีการจำกัดจำนวนผู้โดยสาร ไม่ให้ยืนจนแน่น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ด้วยส่วนการรักษาความปลอดภัยบนรถ ตำรวจรถไฟและเจ้าหน้าที่ อส.ที่อยู่ตามสถานีและบนรถ ได้เพิ่มถี่ในการตรวจ เพื่อดูแลความปลอดภัยการเดินรถตลอดเส้นทาง ทั้งป้องกันมิจฉาชีพ และเหตุอันตรายกับผู้โดยสารอีกด้วย