วันที่ 21 พ.ย.66 ที่สวนทุเรียนเขาน้อย หมู่ที่ 3 ต.บ้านนา อ.ศรี นครินทร์ จ.พัทลุง นายชากรี รอดไฝ่ เกษตรกรบ้านเลขที่ 269 หมู่ที่ 3 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ ได้เปิดสวนให้พ่อค้านำคนงานเข้าไปตัดทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ที่ลูกกำลังแก่จัดบนเนื้อที่ปลูกประมาณ 10 ไร่ และเป็นการตัดลูกทะเรียนนอกฤดูรอบแรกของปีนี้ ได้ผลผลิตประมาณ 25 ตัน เป็นทุเรียนที่พยายามบำรุงรักษาและตั้งใจให้ลูกนอกฤดู ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ต้นทุเรียนที่มีอายุ 6 ปีออกลูกนอกฤดูได้เกิน 90 เปอร์ เซ็นต์ แต่ชาวสวนก็ต้องช้ำใจ เมื่อทุเรียนแก่จัดพร้อมขาย ราคาทุเรียนที่พ่อค้ารับซื้อถึงสวนก็ลดฮวบลงมาอย่างรวดเร็ว จากแต่เดิมขายกันในราคา กก.ละ 250 บาท ราคาตกลงมาเหลือ กก.ละ 130 บาทเท่านั้น และพ่อค้าก็ยังกำหนดขนาดลูกทุเรียนอีกด้วย รับซื้อราคา กก. ละ 130 บาท เฉพาะลูกขนาด 2-6 กก.เท่านั้น ส่วนที่ขาดและมีขนาดใหญ่เกิน ราคาจะลดลงมาอีก 50 เปอร์
เซ็นต์
นายชากรี รอดไฝ่ เกษตรกรเจ้าของสวนทะเรียนรายใหญ่ในจังหวัดพัทลุง เผยว่า ลงทุนทำสวนทุเรียนอย่างจริงจังบนเนื้อที่จำนวน 5 แปลง รวมเนื้อที่70 ไร่และให้ผลผลิตนอกฤดูปีนี้ประ มาณ 10 ไร่ เก็บทุเรียนได้จำนวน 25 ตัน แต่อย่างไรก็ตาม ราคาทุเรียนนอกฤดูปีนี้ ชาวสวนทุเรียนในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและจังหวัดนครศรีธรรมราช รู้ศึกแปลกใจที่ราคาทุเรียนลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ผลผลิตก็ออกมาไม่มาก จะมีแต่พื้นที่จังหวัดพัทลุงและนครศรี ธรรมราช และก่อนหน้านี้ก็ขายได้ราคา กก.ละ 250 บาท มาวันนี้ราคาอยู่ที่ 130 บาทเท่านั้น
จึงอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงมารับรู้ดูแล และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวสวนทุเรียนด้วย เพราะทราบกันดีว่า การทำสวนทุเรียนจะมีต้นทุนสูงกว่าปลูกพืชชนิดอื่น ค่าปุ๋ยค่ายาและอื่นๆก็แพง ลงทุนไปแล้วชาว สวนก็คาดหวังกันว่าเมื่อขายทุเรียนแล้ว จะมีรายได้นำเงินมาจ่ายเป็นค่าปุ๋ยค่ายา เมื่อราคาทุเรียนลดฮวบอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เกษตรกรชาวสวนทุเรียนก็ต้องขาดทุนแน่นอน.
Discussion about this post